Canon เปิดตัว EOS R กล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นแรก
แคนนอน ผู้นำด้านเทคโนโลยีกล้องดิจิทัลและอิมเมจจิ้งระดับโลก ปฏิวัติวงการกล้องด้วยการเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นแรก “Canon EOS R” อย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมด้วยเลนส์ตระกูล RF ใหม่ 4 รุ่น และเมาท์อะแดปเตอร์ RF อีก 3 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายในการใช้งานกล้อง EOS R กับเลนส์ตระกูล EF นอกจากนี้ยังเปิดตัวแฟลชภายนอก Speedlite ขนาดเล็ก เพื่อตอบสนองจินตนาการในการถ่ายภาพได้อย่างครบถ้วน
วรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “แคนนอนมุ่งมั่นคิดค้นวิจัย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ของกล้องและเลนส์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักถ่ายภาพในทุกยุคทุกสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง นำมาสู่การออกแบบกล้องและอุปกรณ์ในตระกูล EOS R พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด ‘Reimagine Optical Excellence ปฏิวัติสู่อนาคต’ ด้วยความมุ่งหวังที่จะยกระดับประสิทธิภาพ ปลดล็อคขีดจำกัดที่เคยมี ให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ออกมาเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวคุณภาพสูงได้อย่างที่ไม่เคยเป็นไปได้มาก่อน โดยยังคำนึงถึง ความเร็ว ความง่ายในการใช้งาน และให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานของอุปกรณ์ในระบบ EOS มาจนถึงปัจจุบัน”
กล้อง EOS R มาพร้อมเซ็นเซอร์ CMOS ขนาด 35 มม. ความละเอียด 30.3 ล้านพิกเซล พร้อมเมาท์ RF ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 54 มม. เพื่อใช้กับเลนส์ใหม่ในตระกูล RF โดยมีขั้วสัมผัสไฟฟ้า 12 จุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างเลนส์กับกล้อง และเมื่อใช้เมาท์อะแดปเตอร์ RF ยังสามารถใช้ร่วมกับเลนส์ตระกูล EF และ EF-S ได้ทุกรุ่น อีกทั้งมาพร้อมชิปประมวลผลภาพ DIGIC 8 ระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel CMOS AF เร็วที่สุดในโลก เพียง 0.05 วินาที จุดออโต้โฟกัสมากถึง 5,655 จุด ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% ในแนวตั้ง และ 88% ในแนวนอนเมื่อใช้กับเลนส์ที่รองรับ โฟกัสได้อย่างแม่นยำแม้ในสภาพแสงน้อยถึง EV -6
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ OLED ความละเอียด 3.69 ล้านจุดของกล้อง EOS R ครอบคลุมพื้นที่ภาพ 100% กล้องรุ่นนี้ยังเป็นกล้องแคนนอนรุ่นแรกที่มีโหมด FV Exposure ที่ใช้ในการควบคุมความเร็วชัตเตอร์ ขนาดรูรับแสง และค่า ISO ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยผู้ใช้ไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ ช่วงความไวแสง ISO 100-40,000 ช่วยในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย พร้อมระบบปรับแสงอัตโนมัติ Auto Lighting Optimizer ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual Sensing IS ชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 5 สต็อปสำหรับการถ่ายภาพนิ่ง นอกจากนี้ยังมีจอแอลซีดีทัชสกรีนปรับหมุนได้ พร้อมฟังก์ชัน Touch & Drag สำหรับการเลื่อนจุดโฟกัสผ่านทางหน้าจอทัชสกรีนแม้ในขณะมองผ่านช่องมองภาพ
EOS R สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพระดับ 4K ที่เฟรมเรท 30p/25p (3,840 x 2,160 พิกเซล) รองรับ Canon Log เช่นเดียวกับกล้องในตระกูล Cinema EOS และเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ RF ยังสามารถปรับค่ารูรับแสงได้ถึง 1/8 สต็อปในการถ่ายวิดีโอ รองรับการบันทึกภาพในฟอร์แมต C-RAW ตัวกล้องได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ให้มีความสมดุล กริปมีความลึกจับถนัดกระชับมือ ตัวกล้องทำจากแมกนีเซียมอัลลอยพร้อมซีลกันฝุ่นและละอองน้ำ
พร้อมกันนี้ แคนนอนได้เปิดตัวเลนส์ใหม่ 4 รุ่น ได้แก่ RF 24-105mm f/4 L IS USM, RF 50mm f/1.2 L USM, RF 28-70mm f/2 L USM, และ RF35mm f/1.8 MACRO IS STM, เมาท์อะแดปเตอร์ 3 รุ่น ได้แก่ Mount Adapter EF-EOS R, Control Ring Mount Adapter EF-EOS R และ Drop-in Filter Mount Adapter EF-EOS R รวมถึงแบตเตอรี่กริป BG-E22 และแฟลชขนาดกะทัดรัด Speedlite EL-100 เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้งาน
กล้อง EOS R นี้ เป็นกล้องอีกหนึ่งรุ่นที่จะมาปฏิวัติวงการการถ่ายภาพให้เข้าสู่โลกดิจิตอลอย่างเต็มตัว ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจอยากทดลองประสิทธิภาพเป็นจำนวนมาก ทางแคนนอนจึงวางแผนที่จะจัดกิจกรรมโรดโชว์ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพได้ทดลองกันอย่างทั่วถึง พร้อมเชิญช่างภาพชั้นนำมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในการใช้กล้อง EOS R และอุปกรณ์เสริมในระบบ EOS R อีกด้วย
