Porsche Cayenne E-Hybrid Driving Experience 2018
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดกิจกรรม “Porsche Cayenne E-Hybrid Driving Experience 2018” โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมพรีเมียม SUV ยอดนิยมสายพันธุ์ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid) ที่ติดตั้งขุมพลัง E-performance พร้อมเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม 2561 ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด
มร. ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนไทยจะได้สัมผัสกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมผ่านการทดลองขับ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid) ผ่านสนามทดสอบสมรรถนะ 3 สถานี ได้แก่ สถานี Handling การทดสอบบังคับควบคุมรถ ซึ่งจะทดสอบการทรงตัวและการตอบสนองพวงมาลัยของรถอย่างรวดเร็ว สัมผัสความรู้สึกขณะขับขี่ในการตั้งค่า Porsche Active Suspension Management (PASM) สถานี Braking สร้างความมั่นใจและปลอดภัยได้ทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรกมาตรฐานจากปอร์เช่ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นระบบเบรคที่ดีที่สุดในโลก และสถานี Slalom ทดสอบความแม่นยำ ความรวดเร็วในการตอบสนองของช่วงล่าง จากระบบอัจฉริยะของปอร์เช่ อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง Rear axle steering และระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis Control เป็นต้น โดยเอเอเอสฯ ได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญการขับขี่รถยนต์ปอร์เช่ไว้คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่สื่อมวลชนผู้ร่วมกิจกรรมอย่างใกล้ชิด
ปอร์เช่ คาเยนน์ อี-ไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุด (The new Cayenne E-Hybrid) ยนตรกรรมพรีเมียม SUV แห่งยุคที่ติดตั้งขุมพลัง E-performance พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ล่าสุด ผสมผสานการบังคับควบคุมสไตล์สปอร์ต ให้เป็น หนึ่งเดียวกับประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด เครื่องยนต์ V6 ขนาดความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร (340 แรงม้า/250 กิโลวัตต์) เสริมพลังด้วยระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า (136 แรงม้า/100 กิโลวัตต์) ให้พละกำลังสูงสุดรวมกว่า 462 แรงม้า (340 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 700 นิวตันเมตร ด้วยแนวคิดในการพัฒนาแบบเดียวกับปอร์เช่ 918 สไปเดอร์ (Porsche 918 Spyder) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 29.4 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 78 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ 20.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 6.3 ล้านบาท