web analytics

ติดต่อเรา

Ford EcoSport จับน้องหมาพาไปเที่ยว

How to…Workshop คู่ซี้ 4 ขา

เรื่อง: sirote petchjamroensuk

ไม่ใช่แค่คนเราอยากหลุดนอกกรอบการทำงานไปพักผ่อน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้ได้ชาร์จพลังและไฟในตัวให้ฟื้นกลับคืนมา เพราะสัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณก็เช่นเดียวกัน คงไม่อยากจับเจ่าอยู่ในกรงหรือวิ่งเล่นบริเวณบ้านซ้ำไปซ้ำมาไปตลอดชีวิต รถยนต์คอมแพคเอสยูวีที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ พื้นที่ใช้สอยอันกว้างขวาง มีความคล่องตัวในการขับขี่ และตอบสนองการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์อย่างฟอร์ต เอคโค่สปอร์ต จึงจัด “เวิร์คช็อปคู่ซี้ 4 ขา” ขึ้น

งานนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกด้านการเดินทางในชีวิตประจำวันให้ปลอดภัย ทั้งสำหรับคนและสัตว์เลี้ยงแสนรักเพื่อการเดินทางอันราบรื่น รวมถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ การเลือกรถยนต์ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายด้าน ซึ่งมีขั้นตอนเตรียมตัวคุณ ตัวน้องหมา และตัวรถ ดังต่อไปนี้

⇒ เริ่มต้นจากการตรวจสอบจุดหมายปลายทางเสียก่อนว่า อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงแล้วถูกบอกปัดหรือปฎิเสธ จนเสียโอกาสและเวลาการเดินทางเสียเปล่า จากนั้นจึงเช็คสภาพความพร้อมของร่างกายน้องหมา มีอาการอุปสรรคต่อการเดินทางอย่างชอบเมารถหรือเปล่า? ขณะที่รถซึ่งใช้สำหรับการเดินทางต้องมีพื้นที่รองรับสำหรับทุกผู้โดยสาร อย่างฟอร์ด เอคโค่สปอร์ตซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยด้านหลังมากถึง 705 ลิตรเลยทีเดียว

อย่าลืมป้ายชื่อคล้องคอสัตว์เลี้ยง พร้อมระบุเบอร์ผู้ติดต่อกรณีเกิดการพลัดหลงกัน ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเตรียมน้ำ อาหาร และยาประจำตัวสุนัขเอาไว้ด้วย เพื่อเกิดเหตุการณ์ป่วยแบบไม่คาดฝันขึ้น รวมถึงเตรียมถุงเก็บมูลสุนัขและน้ำยาดับกลิ่นให้พร้อม ก่อนจะนำของเล่นช้ินโปรด ผ้าขนหนูหรือผ้ารองนอนที่สุนัขคุ้นเคย เพื่อช่วยให้น้องหมามีความรู้สึกปลอดภัย ไม่ตื่นตระหนก ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย 

ส่วนระหว่างการเดินทางนั้น หากสุนัขไม่ได้อยู่ในกรงที่จัดไว้ ก็ต้องนั่งอยู่บนเบาะ พร้อมคาดสายรัดนิรภัยซึ่งออกแบบมาเป็นพิเศษ จงท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจว่า แรงเหวี่ยงหรือแรงพุ่งชนของสุนัขน้ำหนัก 30 กิโลกรัม จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,350 กิโลกรัมเลยทีเดียว เมื่อเกิดการชนด้านหน้ารถที่มีความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหยุดนิสัยรักหมาด้วยการอุ้มเขาไว้บนตักขณะขับขี่รถ เพราะไม่มีอะไรการันตีได้ว่า สุนัขจะไม่ตกใจและกระโจนไป-มาจนคุณไม่สามารถควบคุมรถเอาไว้ได้

ข้อควรระวังสุดท้ายคงเป็นเรื่องของการแวะพักระหว่างทาง ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ทั้งหมาและคนได้ทำธุระส่วนตัว รวมถึงสังเกตอาการของสัตว์เลี้ยงว่า ผิดปกติอะไรหรือเปล่า? ก่อนจะเริ่มต้นเดินทางกันต่อ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ควรปล่อยสุนัขเอาไว้ในรถตามลำพัง แม้คุณจะดับเครื่องรถและแง้มกระจกหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทแล้วก็ตาม เพราะอุณหภูมิอากาศบ้านเราตอนกลางวันนั้นมีแต่ร้อนมากและร้อนจัดเท่านั้น 

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *