Bentley Bentayga สุดขีดความเร็ว แรง และหรูหรายกระดับ
ถ้าพูดถึงแบรนด์รถยนต์ที่หรูหราที่สุดของโลก ชื่อเบนท์ลีย์คงต้องลอยมากตรงหน้าคุณแน่ๆ และในความเหนือระดับดังกล่าว ไม่ได้มีเฉพาะรถยนต์นั่งเท่านั้น ล่าสุดเบนท์ลีย์เปิดตัวทายาทลำดับที่ 4 ของตระกูล ด้วยรถยนต์เอสยูวีในนามเบนเทย์กา ด้วยโจทย์การออกแบบยากๆ ในสไตล์ตัวเองคือ ดีไซน์รถใหม่อย่างไรให้คงความเก่าหรือเอกลักษณ์ดั้งเดิมของตัวเองเอาไว้ เพื่่อคงไว้ซึ่งดีเอ็นเออันเหนียวแน่น
เบนเทย์กาถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นที่โรงงานเมือง Crewe โดยยอดดีไซเนอร์และยอดนักวิศวกรรมเครื่องกล ผู้ทุ่มเทและอยู่กับเบนท์ลี่ย์มาอย่างยาวนาน รายละเอียดของเส้นสายภายนอกที่ต้องมี ถูกนำมาวางอย่างบรรจง ก่อนใส่ทรวดทรงของความเป็นเอสยูวีหรูเข้าไปอย่างสอดคล้องและไม่ซ้ำแบบใคร สะท้อนถึงความเป็นผลงานศิลปะอย่างแท้จริง ที่จะก้าวผ่านกาลเวลาได้อย่างไม่ล้าสมัย
Photo: James Lipman
สัมผัสแรกด้วยสายตา ทุกคนจะถูกช็อตด้วยรูปลักษณ์อันพิถีพิถัน โดยเฉพาะโคมไฟคู่หน้าแบบแอลอีดี 4 ดวง และกระจังหน้าลายตาข่ายขนาดใหญ่ ที่สะท้อนประกายระยิบระยับเมื่อแตะต้องกับแสงแดดหรือแสงสว่างจากไฟยามค่ำคืน ขณะที่เส้นตัวถังอันโฉบเฉี่ยวและดุดัน สะท้อนถึงความมั่นคงและแข็งแกร่งไม่ต่างจากมัดกล้ามเนื้ออันทรงพลัง ถือเป็นดีเอ็นเอแท้จริงของเบนท์ลีย์ในทุกอณู
ขณะที่การออกแบบภายในนั้นเหนือชั้นกว่าใคร ด้วยการใส่รายละเอียดอันแยบยล ลงตัว และทรงคุณค่า ในชิ้นงานโลหะ ลายไม้ และหนังแท้ นอกจากจะผลิตทุกชิ้นส่วนขึ้นอย่างประณีตแล้ว การประกอบทุกส่วนเข้ามารวมไว้ด้วยกัน นั้นต้องอาศัยความเนี้ยบและความชำนาญจากช่างเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง แค่คุณได้เข้าไปในห้องโดยสาร ทิ้งตัวลงสัมผัสกับที่นั่ง และใช้มือสัมผัสพวงมาลัย ก็จะได้ความรู้สึกอันแตกต่างแล้วล่ะ
เบนเทย์กาวางขุมพลังเครื่องยนต์ W12 ทวินเทอร์โบใหม่ล่าสุด ขนาดความจุ 6.0 ลิตร อันเป็นส่วนผสมลงตัวของประสิทธิภาพและความนุ่มนวล กลมกลืนเข้าไปกับความหรูหราและความสะดวกสบาย ด้วยพละกำลังสูงสุดกว่า 608 แรงม้า และแรงบิดอันมหาศาลถึง 900 นิวตันเมตร ทำให้อัตราการเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาสั้นๆ เพียงแค่ 4.1 วินาทีเท่านั้น และทำความเร็วสูงสุดถึง 301 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
Photo: James Lipman
ไม่ใช่หรูและแรงเท่านั้น แต่เบนเทย์กายังก้าวสู่จุดสูงสุดของเอสยูวี ด้วยความสามารถฝ่าฟันไปได้ในทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นหิมะ หล่มทราย หรือแม้แต่ภาระลากจูง มีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (48V Active Anti-Roll Control System) ช่วยลดภาวะการโคลงตัวในยามขับขี่ รวมถึงสภาพแวดล้อมอันสมบุกสมบันในแบบออฟ-โรด ที่สำคัญ ยังมีจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ด้วยค่าตัว 24.5 ล้านบาทถ้วน!
