มิชลิน นำเสนอผลิตภัณฑ์ยาง 3 กลุ่มประเภท สำหรับ ‘ปอร์เช่ มาคันน์’ รถสปอร์ตอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100%
มิชลิน และ ปอร์เช่ ทำงานร่วมกันมาเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมให้ก้าวรุดหน้า สำหรับ ‘ปอร์เช่ มาคันน์’ (Porsche Macan) รถสปอร์ตอเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งเปิดตัวเมื่อต้นปปีที่ผ่านมา ถือเป็นหนึ่งในโครงการความร่วมมือระหว่าง มิชลิน กับ ปอร์เช่ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มพัฒนารถยนต์รุ่นแรกในตระกูล ‘มาคันน์’ ซึ่งเผยโฉมเมื่อปี 2557 ทั้งนี้ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ยาง 3 กลุ่มประเภทสำหรับรถ ‘มาคันน์’ รุ่นล่าสุด เป็นการตอกย้ำจุดยืนของมิชลินในฐานะผู้บุกเบิกและพันธมิตรผู้ผลิตยางมาตรฐานติดรถที่เชื่อถือได้
ยางรถยนต์ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถสปอร์ตไฟฟ้า ‘ปอร์เช่ มาคันน์’
การเกิดขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยางรถยนต์ เพื่อตอบสนองลักษณะเฉพาะด้านดีไซน์ของรถสปอร์ตไฟฟ้า ‘ปอร์เช่ มาคันน์’ มิชลินได้นำความรู้เชิงลึกและความชำนาญที่มีเกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้อย่างเต็มที่ ความสำเร็จที่ได้มาเป็นผลจากการค้นคว้าวิจัยนานหลายปีและการเรียนรู้ทางเทคโนโลยีซึ่งมิชลินสั่งสมมาจากประสบการณ์การมีส่วนร่วมในการแข่งรถระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าประเภทที่นั่งเดี่ยวชิงแชมป์โลก
‘ฟอร์มูลา อี’ (World Formula E Championship) มากกว่า 8 ฤดูกาล ซึ่งในการแข่งขันรายการนี้ ‘ปอร์เช่’ ได้เข้าร่วมลงสนามมาตั้งแต่ปี 2562
ยางสำหรับรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าต้องไม่เพียงให้สมรรถนะเช่นเดียวกับยางสำหรับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาป แต่ยังต้องตอบสนองความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติและเสียงที่เกิดจากยางล้อสัมผัสผิวถนน ยิ่งกว่านั้น น้ำหนักแบตเตอรี่ยังทำให้รถมีมวลรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต้องการยางที่มีศักยภาพสูงขึ้นและกระทบต่อระยะทางที่วิ่งได้ (Mileage) นอกจากนี้ เนื่องจากเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้าให้แรงบิดเต็มพิกัดที่ความเร็วเป็นศูนย์ ความสามารถในการขับขี่จึงเป็นอีกปัจจัยสำคัญและเป็นความท้าทายทางเทคนิค นอกจากจะคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในขั้นตอนการพัฒนายางทั้ง 3 กลุ่มประเภทสำหรับรถสปอร์ตไฟฟ้า ‘ปอร์เช่ มาคันน์’ มิชลินยังเคารพต่อคุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ‘ปอร์เช่’ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่ง
มิชลิน ไพลอต สปอร์ต อีวี เอ็นอี0 (MICHELIN Pilot Sport EV NE0) : ยางฤดูร้อนที่ได้รับการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ โครงสร้างภายในและเนื้อยางทำให้ยางมีความสามารถในการขับขี่เป็นเยี่ยมและทนทานต่อพลังงานสูง ยางรุ่นนี้ซึ่งมีสัญลักษณ์เฉพาะ NE0 ระบุไว้บนแก้มยางเพื่อแสดงว่าออกแบบขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถปอร์เช่ พัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญของมิชลินในด้านแรงต้านทานการหมุนของล้อ (ช่วยให้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ) และด้านสมรรถนะการยึดเกาะบนถนนเปียกและถนนแห้ง โดยให้ประสิทธิภาพและสมรรถนะทั้งสองด้านดังกล่าวสูงสุด…ไม่ว่าระยะทางวิ่งจะอยู่ที่เท่าไร ทั้งยังให้ความสำคัญเป็นพิเศษในเรื่องเสียงที่เกิดจากยางล้อสัมผัสผิวถนน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
มิชลิน ไพลอต อัลพิน 5 เอสยูวี เอ็นอี0 (MICHELIN Pilot Alpin 5 SUV NE0) : ยางฤดูหนาวที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้ความปลอดภัยระดับสูงและสมรรถนะขั้นสูงสุดเมื่อใช้งานบนถนนที่เต็มไปด้วยหิมะซึ่งทั้งเปียกและเย็น บล็อกดอกยางที่มีร่องบากขนาดเล็กบนหน้ายางได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้นและระยะการหยุดรถที่ควบคุมได้เมื่อใช้งานบนสภาพถนนลื่น นอกจากนั้น ยางสำหรับรถเอสยูวีรุ่นนี้ยังให้ความแข็งแกร่งด้วยแก้มยางแบบเสริมแรง ทั้งยังมาพร้อมตราสัญลักษณ์ “เกล็ดหิมะและภูเขาสามยอด” (3PMSF) ที่แสดงว่าผ่านการรับรองมาตรฐานยางสำหรับใช้งานในฤดูหนาว
มิชลิน ไพลอต สปอร์ต เอ/เอส 4 เอ็นอี0 (MICHELIN Pilot Sport A/S 4 NE0) : ยางทุกฤดูกาลซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับรถสปอร์ตและรถยนต์ระดับไฮเอนด์รุ่นนี้ ให้สมรรถนะที่ผสานคุณสมบัติของยางฤดูร้อนและยางฤดูหนาวเอาไว้อย่างดีที่สุด โดยนอกจากจะใช้งานได้ดีในสภาพอากาศร้อนแล้ว ยังคงให้ประสิทธิภาพที่ดีแม้เมื่ออุณหภูมิจะต่ำกว่า 7 องศาเซลเซียส หรือ 44.6 องศาฟาเรนไฮต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องยุ่งยากเปลี่ยนมาใช้ยางฤดูหนาวเมื่อเข้าเดือนพฤศจิกายน และเปลี่ยนกลับไปใช้ยางเส้นเดิมอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมีนาคม นอกจากนั้น ยางรุ่นนี้ยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน จึงเหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่มองหายางฤดูหนาวเพื่อใช้งานในสภาพอากาศสุดขั้ว ขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงกลางฤดูกาล
ยางทั้ง 3 รุ่นได้รับการออกแบบมาเพื่อรถสปอร์ตไฟฟ้า ‘ปอร์เช่ มาคันน์’ โดยมีศักยภาพการใช้งานที่ครอบคลุมสำหรับผู้ขับขี่ พื้นผิวถนน และสภาพอากาศทุกรูปแบบ ทั้งยังให้การบังคับควบคุมรถแบบสปอร์ตที่แม่นยำอันเป็นลักษณะเฉพาะของรถยนต์ในตระกูล ‘มาคันน์’ ซึ่งที่ผ่านมาพบได้ในรถยนต์ประเภทเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันลักษณะเฉพาะดังกล่าวมีในรถพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นล่าสุดแล้ว