โรงงานฟอร์ดฉลอง ‘หลังคาโรงจอดรถแบบโซลาร์เซลล์’ ขนาดใหญ่ที่สุดในไทย
โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ผู้ผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกไปจำหน่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ร่วมกับบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ตรวจความพร้อมการเปิดใช้งานระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 7.7 เมกะวัตต์ บนพื้นที่ติดตั้ง 59,0000 ตารางเมตร ผลิตพลังงานได้ 9 ล้านหน่วยต่อปี เทียบเท่ากับการใช้พลังงานไฟฟ้าของบ้านพักอาศัยถึง 2,700 หลังคาเรือน
“เราเลือกพื้นที่บริเวณลานจอดรถยนต์สำหรับเตรียมส่งมอบให้ลูกค้าที่รองรับการจอดรถได้กว่า 1,500 คัน เป็นพื้นที่ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งนอกจากร่มเงาจากแผงโซลาร์เซลล์จะช่วยรักษาคุณภาพรถก่อนถูกจัดส่งไปยังผู้แทนจำหน่ายฟอร์ดทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของบริษัทฯ ได้ในระยะยาว ที่สำคัญ ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศกว่า 5,720 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี และพนักงานของเราได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและไม่ร้อนมากเกินไป” มร. วินโค้ ซาริค ผู้จัดการโรงงาน ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง กล่าว
โรงงานเอฟทีเอ็ม ได้รับความร่วมมือจาก WHAUP ในฐานะผู้ให้บริการด้านการบริหารจัดการระบบสาธารณูปโภคและพลังงานชั้นนำในประเทศไทย เข้ามาลงทุนด้วยงบประมาณกว่า 235 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่ลานจอดรถของโรงงานเพื่อติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยแผงโซลาร์เซลล์ที่ใช้ติดตั้งนี้เป็นชนิดดับเบิล กลาส ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ Bifacial เป็นเทคโนโลยีที่สามารถรับแสงได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลังแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ซึ่งการรับแสงที่สะท้อนนั้นทำให้ได้พลังงานเพิ่มขึ้น 5-10% ปัจจุบันการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยใช้เวลาการก่อสร้างรวม 400 วัน ปัจจุบันพร้อมทดสอบจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบและดำเนินการขออนุญาตขนานไฟฟ้าในขั้นตอนต่อไป
นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WHAUP เปิดเผยว่า “โครงการนี้นับเป็นการติดตั้งแผงผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนพื้นที่ลานจอดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งเราได้มีการดูแลแบบครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ออกแบบ ลงทุน ก่อสร้าง ใบอนุญาต และดูแลบำรุงรักษาตลอดอายุสัญญา ซึ่งการติดตั้งงานเสร็จสมบูรณ์แล้ว และเป็นไปตามมาตรฐาน NEC2020 หรือ National Electrical Code (NEC) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าระดับโลกสำหรับระบบโซลาร์เซลล์ และเราคาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสแรกของปี 2567”
ฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี ตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่าภายในปี พ.ศ. 2578 จะใช้พลังงานสะอาด 100% ในกระบวนการผลิตรถยนต์ทั่วโลก และเพื่อรองรับธุรกิจที่จะเติบโตในอนาคต โรงงานเอฟทีเอ็มกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายพื้นที่การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมในพื้นที่อื่น ๆ ของโรงงาน