‘มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA’ เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ชูศักยภาพ Lifestyle Mobility Ecosystem
‘มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA’ เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (‘ตลาดหลักทรัพย์ฯ’) ระดมทุนเสริมความแข็งแกร่ง ชูศักยภาพผู้นำธุรกิจที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทาง (Lifestyle Mobility) อย่างครบวงจร และการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ให้ครอบคลุมทุกมิติ พร้อมมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA ดำเนินธุรกิจมากว่า 2 ทศวรรษ โดยสร้างความแข็งแกร่งด้วยการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ภายใต้ชื่อ ‘MGC-ASIA Ecosystem’ ผ่านการขยายผลิตภัณฑ์ บริการและฐานลูกค้า เพื่อตอกย้ำศักยภาพการเป็นผู้นำทางธุรกิจ ที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แห่งการเดินทางอย่างครบวงจร (Lifestyle Mobility) โดยปัจจุบัน มิลเลนเนียม กรุ๊ปฯ MGC-ASIA มีผลิตภัณฑ์และบริการอย่างครอบคลุม ทั้งการจำหน่ายรถยนต์ บิ๊กไบค์ เรือยอชท์ เรือแม่น้ำ และรถยนต์มือสอง พร้อมการรับประกัน บริการจัดหาลูกค้าสำหรับธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวและตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำ บริการหลังการขายและซ่อมบำรุง บริการเช่ารถยนต์ทั้งระยะสั้นและระยะยาวพร้อมพนักงานขับ รวมถึงมีธุรกิจเสริมสร้างรายได้ระยะยาวและบริการอื่นๆ ได้แก่ บริการทางการเงินสำหรับยานยนต์และมารีน นายหน้าประกันภัย และบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล เป็นต้น นอกจากนี้ การร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งเป็นผู้ผลิตและให้บริการด้านยานยนต์ระดับโลกมาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมสร้างให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีและครบวงจรแก่ลูกค้า รวมถึงสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น
ทั้งนี้ ทีมผู้บริหารและพนักงาน ได้มุ่งสร้างความเป็นเลิศในการดำเนินงาน จากความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ ในการสร้างประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยม ในการเดินทางอย่างครบวงจร ตลอดจนมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ด้วยการสร้างค่านิยมในองค์กร ให้มีส่วนร่วมและตระหนักถึงชุมชน รวมถึงพื้นฐานเพื่อการเติบโตสู่ผลกำไรอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ ประกอบธุรกิจในรูปแบบ Holding Company โดยแบ่งธุรกิจหลักออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail Business) ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้า และ/หรือผู้จำหน่าย รถยนต์ บิ๊กไบค์ เรือยอชท์ และเรือแม่น้ำ ในลักษณะธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail Business) รวมถึงให้บริการจัดหาลูกค้า สำหรับธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว โดยแบรนด์ยานยนต์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้นำเข้าและ/หรือผู้จำหน่าย ได้แก่ รถยนต์ Rolls-Royce, BMW, MINI, Honda และบิ๊กไบค์ BMW Motorrad, Harley-Davidson รวมถึงเรือยอชท์สัญชาติอิตาเลียน Azimut เรือแม่น้ำสัญชาติอเมริกัน Chris-Craft และบริการจำหน่ายรถยนต์มือสองรวมถึงบริการจัดหาลูกค้า สำหรับธุรกิจให้เช่าเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว VistaJet เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังเป็นผู้จำหน่ายยานยนต์ BMW, MINI และ BMW Motorrad อันดับ 1 ของประเทศไทย
2) กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขาย และให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ โดยมีศูนย์บริการครอบคลุมช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักและสร้างรายได้ รวมถึงผลกำไรแก่กลุ่มบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค โดยกลุ่มบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำธุรกิจการให้บริการหลังการขาย จำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ อุปกรณ์ตกแต่ง และสินค้าไลฟ์สไตล์ พร้อมบุคลากรที่ผ่านการอบรมด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงเครื่องมืออันทันสมัย เพื่อรองรับการให้บริการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันและอนาคต และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพ รวมถึงสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่น
3) กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และพนักงานขับ โดยธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์ระยะยาว เน้นการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีระยะเวลาการเช่า 2 – 5 ปี พร้อมให้บริการครบวงจรตลอดระยะเวลาของสัญญาเช่า บริการเช่ารถยนต์ระยะสั้นภายใต้แบรนด์ระดับโลก ‘Sixt Rent a Car’ ที่มีศูนย์บริการมากกว่า 4,500 สาขา ในกว่า 105 ประเทศทั่วโลก โดยมีเครือข่ายกับบริษัทชั้นนำของโลกเป็นพันธมิตร ทางบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐในการบริหารจัดการรถยนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้นำระดับประเทศ ในการประชุม ASEAN SUMMIT เมื่อปี 2562 รวมถึงงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ปี 2565 (APEC 2022) ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายบริการที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างครบวงจร ผ่านสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องแก่ลูกค้าและองค์กร โดยมีกลุ่มธุรกิจให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร นายหน้าประกันภัย บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงบริการทำความสะอาดและเคลือบสีรถยนต์ ซึ่งดำเนินงานผ่านบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า กลุ่มบริษัทฯ วางเป้าหมายการขยายศักยภาพทางธุรกิจ ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมวางแผนต่อยอดและขยายธุรกิจมารีนในภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายใหม่ ผ่านทุกแพลทฟอร์มทางธุรกิจ การขยายสู่บริการทางด้านการเงิน การเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์สำหรับยานยนต์หรูทุกประเภทผ่านบริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) และบริการนายหน้าประกันภัย ผ่านบริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด และอื่น ๆ
“กลุ่มบริษัทฯ ได้วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตทั้งในประเทศและภูมิภาค เพื่อสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจครบวงจร รวมถึงสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ นอกจากนี้ MGC-ASIA ให้ความสำคัญกับการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจแบบธรรมาภิบาล ตลอดจนมุ่งเน้นนโยบายรักษ์โลก ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายขับเคลื่อนสู่องค์กรคาร์บอนต่ำเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว” ดร.สัณหวุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุด บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวนไม่เกิน 336,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยมีแผนนำเงินไปลงทุนในบริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จำกัด และบริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงโอกาสใหม่ทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่กลุ่มบริษัทฯ ได้ในระยะยาว นอกเหนือจากการนำไปชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในการสร้างการเติบโตในการดำเนินธุรกิจ