ทิพยประกันภัย เผยเบี้ยประกันภัยครึ่งปีแรก 2566 ทะลุ 1.6 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 1,001 ล้านบาท โตทะยาน 197.8%
ทิพยประกันภัย หรือ TIP โชว์กำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2566 ที่ 1,001.1 ล้านบาท เติบโตถึง 197.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมโชว์เบี้ยประกันภัยรับรวมครึ่งปีแรกทะลุ 1.6 หมื่นล้านบาท จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และยกระดับประสบการณ์การประกันภัย ให้ครอบคลุมการดำเนินธุรกิจ และการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ได้อย่างไร้กังวล ในส่วนของ ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TIPH พร้อมเปิดให้บริการธุรกิจประกันภัยดิจิทัลใหม่ “InsurVerse” เสริมความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจ วางเป้าหมายผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 5 ปี
ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP เปิดเผยผลการดำเนินงานของ ทิพยประกันภัย สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2566 โดยในส่วนของรายได้มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 16,269.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นสูงถึงร้อยละ 12.3 รักษาตำแหน่ง Top Gainer ได้อย่างแข็งแกร่งโดยมีเบี้ยประกันภัยรับตรงเพิ่มขึ้นถึง 1,724.5 ล้านบาท สูงที่สุดในธุรกิจประกันวินาศภัย ประกอบกับมีรายได้และกำไรจากเงินลงทุนรวม 484.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.6 ส่งผลให้ TIP มีกำไรสุทธิรวม 1,001.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 664.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 197.8 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ในส่วนของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน ปี 2566 จำนวน 960.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นจำนวน 1.62 บาท ในส่วนของบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (TIP ISB) มีกำไรสุทธิรวม 26.0 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 5.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย บริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 18.2 ล้านบาท บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 6.7 ล้านบาท และบริษัท ศูนย์ฝึกอบรมทิพย จำกัด มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.1 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของ TIPH ในปีนี้ สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขัน การขยายฐานลูกค้า และการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ TIPH เปิดให้บริการประกันภัยดิจิทัลใหม่ ภายใต้แบรนด์ “InsurVerse” โดยเริ่มขายประกันภัยรถยนต์กับแนวคิด “Move on สู่ประกันรถยนต์ที่ถูกทุกข้อ ฟอร์คนเจนใหม่” เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่และทุกไลฟ์สไตล์ตามความต้องการของลูกค้า ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยออนไลน์ได้ง่าย สะดวกสบาย และเชื่อมต่อการให้บริการเคลมด้วยตนเองได้ทุกที่ทุกเวลา และมีความปลอดภัยผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยเน้นเจาะตลาดในกลุ่มลูกค้าที่เป็น Digital Natives ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย InsurVerse ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยทะลุ 5,000 ล้านบาท และพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน 5 ปี
ในขณะเดียวกันความคืบหน้าของธุรกิจภายใต้กลุ่มธุรกิจ TIPH มีความก้าวหน้าหลายประการ อาทิ การบุกตลาดธุรกิจสินเชื่อที่ดินและขายฝาก ของบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด ที่สามารถขยายฐานลูกค้าและสินเชื่อทั่วประเทศได้ตามแผนภายในครึ่งปีแรก พร้อมกับจับมือร่วมกับ DP Survey ในการให้บริการสำรวจทรัพย์สินค้ำประกันสินเชื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวก และเสริมสร้างความมั่นใจในการปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งได้จัดตั้งบริษัท เงินดีดี จำกัด หรือ “Good Money” ร่วมกับธนาคารออมสิน เพื่อรุกธุรกิจ Non-Bank ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล นาโนไฟแนนซ์ และ Digital Lending สร้างการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ดอกเบี้ยเป็นธรรมโดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาดประมาณ 3-5% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ดร.สมพร กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนของ TIPH ในช่วงที่เหลือของปี 2566 นั้น TIPH ยังคงเดินหน้าคว้าโอกาสโตในระดับภูมิภาค พร้อมขยายขีดความสามารถของการสร้างรายได้จากการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Healthcare ที่มีปัจจัยสนับสนุนจาเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพในหลายด้าน ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต และกลุ่มธุรกิจ Automotive ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EVs) และความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมตามหลักการ ESG ที่เพิ่มมากขึ้นประกอบกับแรงหนุนจากนโยบายส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ อีกทั้งยังมีความเกี่ยวโยงกับธุรกิจประกันสุขภาพและประกันรถยนต์ ดังนั้นจะเป็นโอกาสที่จะเสริมศักยภาพให้ธุรกิจประกันภัย เพื่อผลักดันกลยุทธ์การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป