web analytics

ติดต่อเรา

All NEW Mercedes-Benz E-Class Estate

All NEW Mercedes-Benz E-Class  ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด เส้นสายเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ C-Class ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากรุ่นพี่ S-Class แต่จุดที่แตกต่างออกมาแบบเด่นชัดคือ ด้านท้ายรถถูกออกแบบให้ลาดเอียงมากกว่ารุ่นเก่าทำให้คิดถึง CLS Shooting Brake และยังคงมีไฟท้ายที่ไม่เหมือนใคร ด้วยดวงไฟ LED รูปดาวสามแฉก ทำให้ E-Class มีความโดดเด่นกว่ารุ่นอื่น

ขนาดและมิติตัวถัง

– ความยาว  4,949 มิลลิเมตร

– ความกว้าง  1,880 มิลลิเมตร

– ความสูง  1,470 มิลลิเมตร

– ระยะฐานล้อ  2,961 มิลลิเมตร

– พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 615 ลิตร (รุ่นเดิม 640 ลิตร)

ภายใน E-Class แตกต่างออกจาก จาก C กับ S ชัดเจน ไม่เหมือนใคร แต่จริงๆ ก็มีความคล้ายคลึงกับ Digital Glass Cockpit จอทั้งหมดเชื่อมต่อกันเหมือนกับ ของ EQS ซึ่งจอกลาง MBUX HyperScreen และ หน้าจอมาตรวัดแบบ 3D สามารถควบคุมภายในรถ รวมถึงระบบ Digital Vent Control ช่องแอร์ที่ปรับการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อให้มีการหมุนเวียนอากาศที่เป็นธรรมชาติ Passenger Screen หน้าจอแยก

ด้านขุมพลังของ E-Class Estate ใหม่ มีให้เลือก 3 แบบ ดังนี้

– E 220 d เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48V EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

– E 200 เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร พ่วงระบบมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 48V EQ Boost พละกำลัง 23 แรงม้า 205 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง

– E 300 e เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 129 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งระบบ ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน (WLTP)

E-Class Estate ทุกรุ่นมีระบบกันสะเทือนแบบถุงลม โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ตัวรถรักษาสมดุลตลอดเวลา แม้ว่าจะมีน้ำหนักบรรทุกเต็มพิกัด มั่นใจได้ว่าท้ายจะไม่ห้อย  ระบบถุงลม AIRMATIC สามารถปรับความหน่วงได้แบบอัตโนมัติตามสภาพพื้นถนน และยังปรับความสูงลงอัตโนมัติ 15 มิลลิเมตร ได้เมื่อความเกินความเร็ว 120 กม./ชม. ทำให้จุดศูนย์ถ่วงของรถก็ลดลง ซึ่งช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ พร้อมเป็นการลดแรงต้านอากาศ ที่ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *