เชลล์ เปิดตัว CO2 Compensation Programme ครั้งแรกในไทย
บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด โดยกลุ่มธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอุตสาหกรรม (Commercial Fuels) เดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานชั้นนำระดับโลก ด้วยการเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ “CO2 Compensation Programme – โปรแกรมชดเชยคาร์บอน” ที่นำเสนอควบคู่กับน้ำมันเชื้อเพลิงเชลล์ที่หลากหลายทุกประเภท เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้เต็มศักยภาพอย่างยั่งยืน ประเดิมคู่ค้ารายแรก บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันพืชเกสร น้ำมันพืชเกสรเพียว และน้ำมันพืชดอกไม้ นำร่องธุรกิจขับเคลื่อนสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์
นายชูชาติ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการบริหาร ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอุตสาหกรรม บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “เชลล์มุ่งมั่นที่จะใช้ความเชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของเราในการส่งมอบพลังงานที่สะอาดมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า และค้นหาวิธีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากนวัตกรรมน้ำมันเชื้อเพลิงที่เชลล์พัฒนาขึ้น นำไปสู่การนำเสนอโซลูชั่นล่าสุด “CO2 Compensation Programme” หรือ โปรแกรมชดเชยคาร์บอน” ที่มาพร้อมกับน้ำมันคุณภาพจากเชลล์ ซึ่งผู้ประกอบการสามารถเลือกเพื่อตอบโจทย์การขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างตรงใจ โดยเฉพาะ “เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล สูตรใหม่” (Shell FuelSave Diesel) ที่มาพร้อมกับพลังการทำความสะอาดขั้นสูง ฟื้นฟูพลังงานของเครื่องยนต์และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นถึง 3.75%2 นับเป็นครั้งแรกที่มีโปรแกรมชดเชยคาร์บอนในรูปแบบนี้นำเสนอต่อภาคธุรกิจ (B2B) ในประเทศไทย”
การส่งมอบ น้ำมันเชื้อเพลิงที่ชดเชยคาร์บอน3 ด้วยคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการชดเชยคาร์บอนของเชลล์ทั่วโลก รวมถึงจากโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติ นำมาสู่ก้าวแรกของความสำเร็จในการสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด ซึ่งเชลล์พร้อมจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกันนี้ต่อไปในอนาคตร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจอื่น ๆ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยด้วยพลังงานสะอาดยิ่งขึ้น
ด้านนายศาณินทร์ ตริยานนท์ ประธานกรรมการ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด กล่าวว่า “เรามีเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจน ในการมุ่งสู่การเป็นองค์กรธุรกิจคาร์บอนต่ำ ด้วยความมุ่งมั่นของเราที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มให้เกิดความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเชลล์มาอย่างยาวนาน จึงเชื่อมั่นและวางใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการลดการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้น้ำมันพืชปทุมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต ด้วยเหตุนี้ “CO2 Compensation Programme” ของเชลล์ จึงช่วยให้การปล่อยคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานของเราถูกชดเชยและบรรลุเจตนารมณ์ด้านความยั่งยืนของน้ำมันพืชปทุมได้อย่างลงตัว”
“CO2 Compensation Programme เป็นอีกก้าวของกลยุทธ์ “Power Progress” ของเชลล์ เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านธุรกิจของเราไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยการผลักดันการเติบโตของธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง เคียงข้างสังคมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เชลล์ได้ใช้แนวทางต่างๆ เพื่อเร่งไปสู่การบรรลุเจตนารมณ์การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยเริ่มจากทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงานภายในองค์กร และผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อมาจากองค์กรอื่น ขณะเดียวกันก็ร่วมมือกับลูกค้าของเรา “หลีกเลี่ยง” การปล่อยมลพิษ (Avoid) โดยการนำโซลูชันที่ปราศจากการปล่อยมลพิษมาใช้ในกระบวนการทำงาน ใช้ผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงคุณภาพสูงและเทคโนโลยีเพื่อ “ลด” การปล่อยมลพิษ (Reduce) จากนั้นจึง “ชดเชย” การปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่ (Compensation) ด้วยการใช้คาร์บอนเครดิตคุณภาพสูง ดังนั้น “CO2 Compensation Programme” จึงเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของเชลล์ ในการช่วยให้พันธมิตรและลูกค้าของเราปลดล็อกข้อจำกัด เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน” นายชูชาติ กล่าวทิ้งท้าย
การสงวนสิทธิ์ความรับผิดชอบ: ในกรณีที่มีการอ้างอิงคำหรือข้อจำกัดความรับผิดชอบ จะมีการใช้คำหรือข้อความดังกล่าวเพียงครั้งแรกเท่านั้น ทั้งนี้ ข้อจำกัดความรับผิดชอบนั้นจะมีผลบังคับใช้ทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงคำหรือข้อความดังกล่าว แม้ว่าจะไม่ปรากฏในส่วนอื่นของเอกสารก็ตาม
- CO2 Compensation Programme: การชดเชยค่าความเป็นกลางของคาร์บอน ไม่สามารถทดแทนการเปลี่ยนมาใช้พลังงานที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยลง หรือลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ เมื่อซื้อคาร์บอนเครดิต คาร์บอนเครดิตจะถูกยกเลิกเพื่อชดเชยการปล่อย CO2e ผ่านวงจรชีวิตที่คำนวณได้ของผลิตภัณฑ์ แม้ว่าคาร์บอนเครดิตจะถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานคาร์บอนระหว่างประเทศ แต่ค่าชดเชยอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
- ประหยัดน้ำมันได้ถึง 7 ลิตรต่อถังขนาด 195 ลิตร ช่วยทำความสะอาดและปกป้องส่วนประกอบของระบบเชื้อเพลิงที่สำคัญ เช่น หัวฉีดเชื้อเพลิง จากการสะสมของคราบสกปรกที่ลดประสิทธิภาพและคราบสกปรกภายในหัวฉีดที่ซ่อนอยู่ เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไปที่ไม่มีสารเติมแต่งประสิทธิภาพ และมีส่วนประกอบทางชีวภาพในระดับเดียวกัน อ้างอิงตามวิธีการทดสอบที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเชลล์ในเครื่องยนต์/ยานพาหนะ HD หลากหลายประเภท (รวมถึงเทคโนโลยีบนถนนและทางวิบาก) เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลทั่วไป ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากถึง 75% ภายใต้สภาวะคงที่ที่เทียบเท่า เมื่อสิ้นสุดการทดสอบการประหยัดที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปตามชนิดของรถยนต์ สภาพการขับขี่ และสไตล์การขับขี่
- ชดเชยคาร์บอน: การชดเชย CO2 ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและการใช้ผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการปล่อยCO2 ที่เกี่ยวข้องยังคงอยู่ในชั้นบรรยากาศ การชดเชย CO2 ไม่สามารถทดแทนการเปลี่ยนไปใช้โซลูชันพลังงานที่ปล่อยมลพิษต่ำ หรือลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลได้ ธุรกิจของเชลล์มุ่งเน้นที่การปล่อยมลพิษที่สามารถหลีกเลี่ยง หรือลดลงเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยชดเชยการปล่อยมลพิษที่เหลืออยู่
“คาร์บอนเป็นกลาง” หรือ “ชดเชย CO2” ระบุว่า เชลล์จะมีส่วนร่วมในธุรกรรมที่ปริมาณ CO2 เทียบเท่ากับมูลค่าของการปล่อย CO2e ที่เหลืออยู่ ที่เกี่ยวข้องกับ [การสกัดวัตถุดิบ การขนส่ง การผลิต การจัดจำหน่าย] [และการใช้งาน / สิ้นสุด -อายุการใช้งาน (หากเป็น น้ำมันหล่อลื่นหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้พลังงานอื่นๆ)] ของ [ผลิตภัณฑ์] จะได้รับการชดเชยผ่านการซื้อและการเลิกใช้คาร์บอนเครดิตที่เกิดจากโครงการชดเชย CO2 แม้ว่าคาร์บอนเครดิตเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานคาร์บอนระหว่างประเทศ แต่ค่าชดเชยอาจไม่แน่นอน
CO2e (เทียบเท่ากับ CO2) หมายถึง CO2, CH4, N2O