GPI โชว์ผลงานปี 65 ทำกำไรสุทธิ 37.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.26% เตรียมจ่ายเงินปันผลประจำปี อัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น
“บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล” หรือ GPI โชว์ผลงานปี 65 ทำกำไรสุทธิ 37.20 ล้านบาท เติบโต 18.26% จากปีที่ผ่านมา เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี อัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น มั่นใจแนวโน้มการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตต่อเนื่อง จากยอดจองพื้นที่ในงานมอเตอร์โชว์ 2023 พุ่ง และแผนรุกขยายการจัดอีเวนต์ด้าน Lifestyle & Entertainment รวมถึง Sport Event
ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 มีอัตราเติบโตทั้งรายได้และกำไรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 576.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.86% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 497.54 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 37.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.26% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.45 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากความสำเร็จของการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ในปีที่ผ่านมา และการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแก่ผู้ประกอบการยานยนต์, การจัดงานวิ่งครอสคันทรี่ AMAZING RACE FESTIVAL & TRIATHLON KANCHANABURU 2022 ณ สนามกรังด์ปรีซ์ กอล์ฟ คลับ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2565
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลปี 2565 เพิ่มเติมในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 24 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2565 ไปแล้ว ในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น คงเหลือที่จะจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 เพิ่มเติมในอัตรา 0.04 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดให้วันที่ 10 เมษายน 2566 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 เมษายน 2566
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1 และ 2 ของปี 2566 มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศและธุรกิจท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบายของโรค COVID-19 ส่งผลดีต่อต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและการจัดกิจกรรมหรืองานเอ็กซิบิชั่นต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ ปัจจัยการเติบโตจะมาจากการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2023 ในวันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 ณ อาคารชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการยานยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งจองพื้นที่เข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าปีก่อน จึงคาดว่ารายได้จากการจัดงานฯ ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นกว่า 10% จากงานในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทฯ ได้มุ่งขยายการจัดงานอีเวนต์ประเภทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Lifestyle & Entertainment รวมถึง Sport Event ตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตและรองรับโอกาสจากการเปิดประเทศ โดยนำประสบการณ์จัดงานเอ็กซิบิชั่นด้านยานยนต์มาต่อยอด เช่น การจัดงาน Meet & Greet ศิลปินเกาหลี, การจัดแข่งขันวิ่งรายการ Cross Country เป็นต้น
“มั่นใจว่าปีนี้บริษัทฯ จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ที่ปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น 6 แกนหลัก ประกอบด้วย 1) Event, Exhibition & Festival 2) Lifestyle Media + News 3) Award & Trophy 4) Sport & Competitions 5) Printing & Packaging และ 6) E-Commerce & Mobile App & Others เพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโต ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะแปรรูปที่บริษัทฯ เข้าลงทุนถือหุ้น 25.75% ในบริษัท ทรูเอ็นเนอร์จี จำกัด มีทิศทางที่ดีหลังจากปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยผลการดำเนินงานล่าสุดในเดือนมกราคม 2566 มีรายได้ถึงจุดคุ้มทุนแล้ว และคาดว่าจะเริ่มทำกำไรตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้” ดร.ปราจิน กล่าวสรุป