Lifestyle Test Drive ‘GR Sport’ 3 วัด 2 อิ่ม ฟินสุด ๆ
“คนเข้าวัด ทำบุญ มักจะหน้าตาดีเช่นนี้เสมอ …” ไม่มีใครกล่าว เรากล่าวกันเอง 😂😂
เหตุผลนี้ทำให้ทีมงาน BENEWSONLINE ไม่ลังเลใจที่จะเดินทางไปไหว้พระทำบุญกับโตโยต้า กับทริปง่าย ๆ เป็นกันเอง ในรูปแบบคาราวาน ‘GR Sport’ ขับรถเที่ยวเลี้ยวเข้าวัด หิวก็กิน อิ่มก็ไปกันที่ฉะเชิงเทรา
หลังจากตรวจ ATK ตามนัดหมายกันที่ TOYOTA Driving Experience Park เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็พร้อมที่จะขับเคลื่อนความสุขกับ TOYOTA ‘GR Sport’ เพื่อออกเดินทางไปยัง “วัดห้วยน้ำทรัพย์” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “วัดพระธาตุวาโย” แหล่งท่องเที่ยว Unseen เมืองแปดริ้วที่ตอนนี้มีผู้คนมากหน้าหลายตาเดินทางมากราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภ “หลวงพ่อปลดหนี้” กันเป็นจำนวนมาก
เราใช้เวลาในการเดินทางจาก TDEX บางนาไปจนถึงวัดประมาณชั่วโมงครึ่ง กับเส้นทางที่ได้ทดสอบสมรรถนะของรถไปในตัว ทั้งทางตรง ทางโค้ง ทางขรุขระ ทางหลัก ทางหลวง ทางรอง ขับสนุก นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำชื่นใจจริง ๆ ถึงจะเป็นที่นั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 ก็ตาม
วัดแห่งนี้อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำลาดกระทิง มีพื้นที่กว้างขวางมาก เมื่อเราเดินทางเข้าไปถึงวัดจะเห็นองค์พระมหาธาตุเจดีย์ในรูปแบบของสถูปเจดีย์ทรงระฆังคว่ำเรียงซ้อนทับกันตั้งตระหง่านโดดเด่นมาแต่ไกล แต่ไฮไลต์ของวัดนี้คือ “หลวงพ่อปลดหนี้” พระพุทธรูปปางชนะมาร หรือปางมารวิชัย ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายขององค์พระมหาธาตุเจดีย์ มีความเชื่อกันว่าถ้ามาขอพรให้หมดหนี้สิน หรือขอโชคลาภที่นี่ ก็จะสมหวังดังปรารถนา โดยในแต่ละวันจะมีผู้เข้ามาเสี่ยงทาย เขย่าเซียมซี เพื่อขอเลขเด็ดกันไม่ขาดสายเลยทีเดียว
ไหว้พระขอพรตามความปรารถนากันแล้ว เราก็เดินเข้าไปกราบไหว้ขอพรพระเพื่อความเป็นสิริมงคลภายในองค์พระมหาธาตุเจดีย์ ด้านหน้ามีซุ้มประตูทางเข้า 4 ทิศ แต่ละประตูมีบันไดพญานาคนำเข้าสู่ตัวเจดีย์ ภายในมีพระพุทธรูปปางยืนเป็นแกนกลาง 5 องค์ ลงสีทองเหลืองอร่าม ประดิษฐานอยู่ตรงการ ล้อมรอบด้วยเสาปูนปั้นที่แกะสลักเอาไว้อย่างวิจิตรบรรจง และยังมีบันไดให้เดินขึ้นไปยังชั้นบนได้ด้วย
อิ่มบุญแล้วท้องก็เริ่มร้องขึ้นมาทันที ฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่อยู่ติดกับแม่น้ำบางปะกง มาถึงถิ่นก็ต้องกินข้าวริมแม่น้ำกันสักหน่อย อยากจะแนะนำร้านนี้เลย “วิลิศมาหรา” บางคล้า ร้านอาหารไทยตำรับโบราณ ในบรรยากาศย้อนยุค มีทั้งโซนห้องแอร์ และโซนระเบียงน้ำ ตั้งอยู่กลางโค้งน้ำบางปะกง อาหารที่เราทานกันในวันนี้เป็นแบบ Course Menu พิเศษ
ก่อนจะเริ่มเมนูแรก ทางร้านได้เตรียม Welcome Drink ไว้ต้อนรับ อากาศแบบนี้ต้องดับร้อนด้วยน้ำใบเตย ที่มีความหวานหอมเย็นชื่นใจ โรยด้วยดอกมะลิและใบกุหลาบ ใส่ในขันใบเล็ก ๆ ให้อารมณ์ความย้อนยุคขึ้นมาเลย
หลังจากคลายร้อนกันแล้ว ก็มาเริ่มต้นอาหารจานแรกกันด้วยออเดิฟรองท้องเบา ๆ “กระทงทอง และเมี่ยงดอกไม้” อาหารว่างไทยโบราณที่หาทานยากในยุคนี้ โดยกระทองทำจากสาคูทอดกรอบ นำมาเสิร์ฟคู่กับเมี่ยงดอกไม้ ที่ห่อด้วยกลีบกุหลาบและอัญชัญ เป็นเมนูสุขภาพจากดอกไม้ที่กินได้ เมื่อทานคู่กันแล้วจะได้รสชาติกลมกล่อมลงตัว
“แสร้งว่าหอยเชลล์” เป็นเมนูที่นำหอยเชลล์มาราดด้วยยำปลาดุกฟู เป็นอะไรที่อร่อยดีนะ
“ยำทวายปู” เมนูหาทานค่อนข้างยาก จะใช้ในพิธีสำคัญเท่านั้น เครื่องปรุง ประกอบด้วยผักนานาชนิด ได้แก่ หน่อไม้ ถั่วพู หอมเจียว ถั่วงอก ตกแต่งด้วยบีทรูทและแตงกวา ให้รสชาติคล้าย ๆ ยำถั่วพูราดด้วยกะทิ
“ต้มจิ๋วสันในหมู” แกงน้ำใสกลิ่นคล้าย ๆ แกงเลียง แต่รสชาติเผ็ดร้อนคล้ายต้มยำ มีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม มีกลิ่นหอมจากใบโหระพาและใบกะเพรา
“กุ้งแม่น้ำซอสมะขาม” หรือเราเรียกกันว่า “กุ้งเผาราดน้ำปลาหวาน” ต้องบอกเลยว่าถ้าใครที่ชอบทานน้ำปลาหวาน รสชาติจานนี้เข้มข้นมากกกก ยกเซ็ตน้ำปลาหวานมาครบเลย ทั้งพริกแห้งและผักชี
“ลาซานญาเนื้อปูใส่ใบชะพลู” เป็นการผสมผสานระหว่างอาหารตะวันตกและอาหารไทยได้อย่างลงตัว โดยการนำแผ่นลาซานญามาวางสลับกับใบชะพลูเป็นชั้น ๆ (นับได้ 3 ชั้น) ราดด้วยน้ำแกงที่ให้รสชาติเหมือนขนมจีนน้ำยาที่เราคุ้นชิน กับเนื้อปูคำโต ๆ ใครไม่อิ่มเจอจานนี้อิ่มแน่นอน
พักของคาวกันด้วย “น้ำมะนาวทับทิม” ก่อนจะเข้าสู่เมนูของหวานกันต่อไป
มาถึงเมนูสุดพิเศษจากทางร้าน “ขนมลืมกลืน” สูตรโบราณ หอมนุ่ม ชุ่มกะทิ เสิร์ฟสด ๆ บนใบตอง เมนูนี้เป็น Complementary พิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองเข้ามาล่วงหน้านะจ๊ะ
ปิดท้ายกันด้วย “มาการิต้าผลไม้” น้ำแข็งใสโบราณ มีส่วนผสมของส้มซ่า ใส่ทอปปิ้งลำไย มะยงชิด หอมเจียวและขิง รสชาติก็แปลก ๆ ดี แฝงไปด้วยความอร่อย เย็นชื่นใจ
อ้อ !! ลืมบอกไปว่าดอกไม้ที่นำมาประกอบอาหารในทุกเมนู เป็นดอกไม้ที่ทางร้านปลูกเอง รับรองว่าปลอดสารพิษแน่นอน อิ่มแล้วก็เดินเล่นเพลิน ๆ ชมทัศนียภาพริมแม่น้ำ วิถีธรรมชาติ พร้อมกับเก็บบรรยากาศรอบร้านมาฝากกัน
จุดหมายต่อไปของการเดินทางในครั้งนี้ ก็คือ “Bang Khla Café” อยู่ห่างจากร้านวิลิศมาหราไม่ถึง 5 นาที คาเฟ่แห่งใหม่ที่ตกแต่งในแบบ Minimal Cozy Style ภายในร้านถูกตกแต่งด้วยโทนเข้ม มีหน้าต่างและประตูรอบด้าน สามารถมองออกไปยังสวนด้านนอก ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามด้วยต้นไม้และดอกไม้ พร้อมทั้งมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ รอบร้านอีกเพียบ
Signature ของที่นี่ อยู่ตรงการนำน้ำตาลสดของขึ้นชื่อในอำเภอบางคล้ามารังสรรค์เมนูใหม่ ที่ให้ทั้งความอร่อย หอม หวาน อย่างอเมริกาโนน้ำตาลสด คอกาแฟที่ชอบรสชาติแปลกใหม่อยากให้มาลองกันจร้า
ออกจากบางคล้า คาเฟ่ เราเดินทางไปสักการะ ไหว้พระ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลกันต่อที่ “วัดปากน้ำโจ้โล้” วัดที่โดดเด่นด้วยอุโบสถสีทอง แห่งเดียวในประเทศไทย เหลืองอร่ามทั้งหลัง ทั้งภายในและภายนอก รอบพระอุโบสถตกแต่งด้วยพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก และภายในอุโบสถยังสามารถลอดใต้ฐานพระประธานเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองแปดริ้วที่เราแวะไปเยี่ยมชมคือ “อุทยานพระพิฆเนศ องค์ยืน” ตั้งตระหง่านหันหน้าออกแม่น้ำบางปะกง โดยพระพิฆเนศองค์นี้มีชื่อเรียกว่า “พระพิฆเนศปางยืน องค์สำริด สำเร็จ สมปรารถนา” องค์ใหญ่มากจริง ๆ สามารถมองเห็นได้แต่ไกล ภายในอุทยานแห่งนี้ มีองค์เทพให้กราบไหว้สักการะ ขอพร มากมาย เชื่อกันอีกว่า ใครที่ได้มาไหว้ ขอพรพระพิฆเนศ ปางยืน ณ ที่แห่งนี้ จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ สมปรารถนา ตามชื่อขององค์ท่าน
ไหว้พระ ขอพร อิ่มท้อง อิ่มใจกันแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ ขอขอบคุณ TOYOTA ‘GR Sport’ ที่พาเราขับเคลื่อนความสุขกับทริปดี ๆ แบบนี้ พร้อมของฝากติดไม้ติดมือที่นอกจากจะรักษากาย รักษาใจแล้ว ก็ต้องรักษาสุขภาพกันด้วยนะค๊าบบบบ ^^
By : B.Varaporn