มาสด้า เปิดตัว CX-8 เพิ่มรุ่น Exclusive เบนซิน 6 ที่นั่ง เอสยูวีสุดหรู คุ้มค่าสุด เทคโนโลยีเต็มคัน เปิดสงครามราคา 1.4 ล้าน
ตลาดรถอเนกประสงค์เริ่มคึกคักเมื่อมาสด้าเสริมทัพป่วนตลาดลุยเจาะฐานลูกค้ารถครอบครัวขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มเอสยูวีและปิกอัพดัดแปลง เปิดตัวแนะนำ NEW MAZDA CX-8 รถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรถยนต์นั่งอย่างแท้จริง มาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีคุณค่าไม่สิ้นสุด มอบความสะดวกสบายและตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว พร้อมเพิ่มทางเลือกใหม่ที่หลากหลายยิ่งขึ้นกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซินแบบ 6 ที่นั่ง Exclusive เบาะนั่งแบบ Captain Seat ทุกรุ่นมาพร้อม หน้าจอ Center Display แบบทัชสกรีนใหม่ ขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และเพิ่มเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้ครบยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 หรือ 1.99%2, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี3 หรือ ฟรี Mazda Care 3 ปี4 กดราคาจำหน่ายเริ่มต้นลงเหลือ 1.4 ล้านบาท
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวรถอเนกประสงค์เอสยูวีสุดหรู CX-8 ในครั้งนี้ เป็นรุ่นที่สองต่อจาก CX-5 ภายใต้กลยุทธ์ทางด้านผลิตภัณฑ์ของมาสด้าที่ต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงปลายปี ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาของปี 2564 ตลาดรถอเนกประสงค์ในกลุ่ม D-SUV แบบ 7 ที่นั่ง รวมกับรถกระบะดัดแปลง หรือรถประเภท PPV มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2564 จำนวน 36,811 คัน เติบโตถึง 28% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 ที่มีจำนวน 28,857 คัน แสดงให้เห็นว่าตลาดในกลุ่มนี้ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศไทย และมีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้ในอนาคต แต่ตัวเลือกในตลาดยังคงมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นการปรับกลยุทธ์ CX-8 ในครั้งนี้ จะเรียกความสนใจจากลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์แบบครอบครัว ที่พัฒนาขึ้นจากโครงสร้างรถยนต์นั่ง และส่งมอบความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกคนในครอบครัว
การเปิดตัวในครั้งนี้ ได้รับการยกระดับให้โดดเด่นและครบครันยิ่งขึ้น พร้อมนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายถึง 5 รุ่นย่อย ด้วยที่นั่งทั้งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง ทั้งในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล เพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์เอสยูวี มีห้องโดยสารสะดวกสบาย ตอบโจทย์ทั้งการโดยสารและการขนสัมภาระ ให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี มีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และครบครันในเรื่องเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัย
มาสด้า CX-8 เป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดใหญ่ที่ถูกพัฒนาขึ้นจากโครงสร้างของรถยนต์นั่ง โดยไม่ได้มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะเช่นเดียวกับ PPV จึงทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลมากกว่า หรือเทียบเท่ากับรถยนต์นั่ง แต่ยังคงมีความอเนกประสงค์ด้านการใช้งานตามที่ลูกค้ามองหา ซึ่งเชื่อว่ารถรุ่นนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และส่งมอบความสุขให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัวในทุกการเดินทาง พร้อมเติมเต็มการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส กล่าวว่า “มาสด้า CX-8 ยังคงความเป็นรถอเนกประสงค์เอสยูวีระดับพรีเมี่ยม แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 3 แถว 6 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในตลาดที่วางจำหน่ายในประเทศไทย โดยมาพร้อมแนวคิด “The Precious Moment for All” ทุกช่วงเวลา…มีคุณค่าไม่สิ้นสุด มีการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน คือ ลูกค้ากลุ่มนักบริหารระดับสูง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จรอบด้าน เป็นผู้นำ และมีไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตที่แตกต่าง เป็นรถที่จะมาเติมเต็มทุกช่วงเวลาอันมีค่าของทุกคนในครอบครัว สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างไร้ขอบเขตและไม่มีที่สิ้นสุด”
ด้วยความครบครันของเทคโนโลยีความสะดวกสบายและความปลอดภัย ที่มีเพิ่มเติมเข้ามาในทุกรุ่น ควบคู่กับทางเลือกรุ่นย่อยที่หลากหลายมากขึ้น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของมาสด้า เฉกเช่นเดียวกับรถอเนกประสงค์เอสยูวีรุ่นอื่นในตระกูล CX-Series ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพพรีเมี่ยมของห้องโดยสาร สมรรถนะในการขับขี่ที่เหนือกว่า ความอเนกประสงค์ของการใช้งาน และเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ที่ล้วนแล้วได้รับการออกแบบโดยคำถึงถึงการใช้งานของทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
การปรับในครั้งนี้ เพื่อให้มาสด้า CX-8 มีความครบครันตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้ามากยิ่งขึ้นจึงมาพร้อมทางเลือกใหม่ที่ลูกค้าเรียกร้อง โดยเพิ่มเติมมาในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 SP Exclusive แบบ 6 ที่นั่ง โดยมาพร้อมที่นั่งแถวที่สองแบบ Captain Seat แยกอิสระซ้าย-ขวา สามารถปรับเอน และเลื่อนหน้า-หลังได้ พร้อมคอนโซลกลาง ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกช่วงเวลาอันมีค่าของครอบครัว มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย มอบความสบายแบบพรีเมี่ยมที่แตกต่างอย่างเหนือชั้น
นอกจากนี้ในทุกรุ่นย่อยยังได้รับการยกระดับความคุ้มค่า ด้วยการเสริมเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้ครบครัน อาทิ หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED Signature ไฟท้ายแบบ LED Signature ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 4 จุด และด้านหลัง 4 จุด เป็นต้น
สำหรับห้องโดยสารแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง ยังคงมาพร้อมเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วยเบาะที่นั่งแถวสองแบบ 3 ที่นั่ง กว้างขวาง สะดวกสบายในทุกอิริยาบถ และสามารถขึ้น-ลงรถได้สะดวก พร้อมตอบรับทุกรูปแบบของการใช้ชีวิต ด้วยความจุของห้องเก็บสัมภาระด้านหลังที่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่เก็บสัมภาระ ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เมื่อพับเบาะแถวที่สองและสาม เพื่อส่งมอบประสบการณ์ดี ๆ และความเพลิดเพลินของทุกคนในครอบครัวได้อย่างลงตัวไปตลอดการเดินทาง
การออกแบบภายนอกและภายใน ยังคงพิถีพิถันในทุกรายละเอียดดุจงานศิลปะชิ้นเอก ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ถ่ายทอดความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรูหรา ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ห้องโดยสารตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม ใช้วัสดุแบบ Real Wood และตกแต่งด้วยสีเงินซาตินโครม ผสานกับเบาะหนัง Nappa* สีแดง Deep Red รองรับการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนผ่านระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และ Android Auto โดยแสดงข้อมูลผ่านหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนใหม่ ขนาด 8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ที่หรูหราและสะดวกสบายต่อการใช้งาน พร้อมเพิ่มความสุนทรีย์ภายในห้องโดยสารด้วยระบบเสียงคุณภาพ Bose® รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
มาพร้อมประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือกว่า ถูกพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและการใช้งานของทุกคนในครอบครัวเป็นหลัก มอบความสะดวกสบายด้วยการจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถให้อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลาง ตามปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) ช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนน มอบความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับรถ พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสี บนกระจกหน้า (Windshield Active Driving Display) เพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
MAZDA CX-8 มีให้เลือก 2 เครื่องยนต์ ประกอบด้วย เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (SKYACTIV-G 2.5) มีใน 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น 2.5 S (แบบ 7 ที่นั่ง) รุ่น 2.5 SP (แบบ 7 ที่นั่ง) และรุ่น 2.5 SP Exclusive (แบบ 6 ที่นั่ง) มาพร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม ให้พละกำลังสูงถึง 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันถึง 13.2 กิโลเมตรต่อลิตร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ทางเลือกที่สองกับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล ขนาด 2.2 ลิตร (SKYACTIV-D 2.2) ในรุ่น XDL (แบบ 7 ที่นั่ง) และ XDL Exclusive (แบบ 6 ที่นั่ง) มาพร้อมระบบวาร์ลไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT และระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ที่ได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองรวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว และในรุ่น XDL Exclusive ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD* ที่ช่วยปรับระบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนน แรงม้าสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ประหยัดน้ำมันสูงถึง 17.5 กิโลเมตรต่อลิตร4 และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
อัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยระดับโลกกับ i-Activsense ที่จะช่วยคาดการณ์และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane-keep Assist System)
- ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Alert)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถเบี่ยงออกนอกเลน (Lane Departure Warning System)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Mazda Radar Cruise Control)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic)
- ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Advanced Blind Spot Monitoring)
- ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Smart Brake Support)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS)
- ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง (Smart City Brake Support-Reverse)
- ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED Headlamps)
- ระบบแสดงภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360o View Monitor)
- อีกทั้งยังปกป้องทันทีจากอุบัติเหตุด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง เพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุด
นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีการพัฒนามาจากโครงสร้างพื้นฐานของรถยนต์นั่งมีตัวเลือกในตลาดน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นประเภท PPV ที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากรถกระบะ ซึ่ง โครงสร้างตัวถัง แซสซี ระบบช่วงล่าง และระดับความสูงจากพื้น กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็กและผู้สูงอายุในการเข้า-ออก หรือขึ้น-ลง และเป็นเครื่องยนต์ดีเซลชนิดเดียวกันกับรถกระบะ ที่สำคัญ การโดยสารของแถวที่สามนั้นไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร ประกอบกับมีราคาที่แตกต่างกันมากตั้งแต่ระดับล้านต้นๆ จนถึงเกือบสองล้านบาท ดังนั้น การวางราคาจำหน่ายที่เริ่มต้นเพียง 1.4 ล้านบาท จะทำให้ CX-8 กลายเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของลูกค้า ที่จะได้ทั้งความสะดวกสบาย และความภูมิฐาน หรูหรา เหนือมีระดับ บ่งบอกรสนิยมของผู้ขับขี่
ราคาจำหน่าย NEW MAZDA CX-8
รุ่น | เครื่องยนต์ | รูปแบบห้องโดยสาร
(ที่นั่ง) |
ราคาจำหน่าย (บาท) |
2.5 S | SKYACTIV-G 2.5 | 7 | 1,499,000 |
2.5 SP | SKYACTIV-G 2.5 | 7 | 1,599,000 |
2.5 SP EXCLUSIVE | SKYACTIV-G 2.5 | 6 | 1,639,000 |
XDL | SKYACTIV-D 2.2 | 7 | 1,799,000 |
XDL EXCLUSIVE | SKYACTIV-D 2.2 | 6 | 2,069,000 |
มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง โซล เรด คริสตัล (Soul Red Crystal), สีเทา แมชชีน เกรย์ (Machine Gray), สีดำ เจ็ท แบล็ก (Jet Black), สีเงิน โซนิค ซิลเวอร์ (Sonic Silver), สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล (Snowflake White Pearl), สีน้ำเงิน ดีพ คริสตัล บลู (Deep Crystal Blue)
ลูกค้าที่สนใจเป็นเจ้าของสามารถพบกับข้อเสนอพิเศษในช่วงเปิดตัว กับดอกเบี้ยต่ำสุด 0%1 หรือ 1.99%2 ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance 1 ปี3 และ Mazda Care Program หรือโปรแกรมบำรุงรักษา 3 ปี4
หมายเหตุ
1 ดาวน์ 55%, ผ่อนนาน 24 เดือน
2 ดาวน์ 25%, ผ่อนนาน 48 เดือน
3บริษัทประกันภัยที่ร่วมโครงการ ได้แก่ (1) บมจ.วิริยะประกันภัย (2) บมจ.ธนชาตประกันภัย (3) บมจ.ประกันภัยไทยวิวัฒน์ (4) บมจ.ทิพยประกันภัย
3 Mazda Care Program 3 ปี หรือระยะทาง 60,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สำหรับลูกค้าที่เลือกแคมเปญดอกเบี้ย 1.99% เท่านั้น
4ผลการทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 Combine Mode ของรุ่น XDL
เงื่อนไขเพิ่มเติม
- เงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามข้อกำหนดของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต เท่านั้น
- ข้อเสนอดังกล่าวสำหรับผู้เช่าซื้อที่ผ่านการอนุมัติตามเงื่อนไขของ บมจ. ธนาคารทิสโก้ และ ทีเอ็มบีธนชาต ที่จองและออกรถ ภายในวันที่ 11 – 31 ตุลาคม 2564 เท่านั้น