เปอโยต์ ประเทศไทย พร้อมลุยตลาดเอสยูวี เตรียมขยาย 25 โชว์รูมใน 3 ปี
เปอโยต์ ประเทศไทย พร้อมลุยตลาดเอสยูวี ตั้งแผนแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 1 รุ่นในทุกปี เริ่มจาก PEUGEOT 3008 ใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือน และ PEUGEOT 5008 ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ พร้อมปรับราคาให้ถูกลง เน้นบริการหลังการขาย โดยไม่ได้นำค่าบำรุงรักษามาบวกกับราคารถยนต์ แต่ปรับเป็นแพคเกจบริการหลังการขายแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘PEUGEOT CARE’ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500-550 คัน และในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมียอดขายมากกว่า 4,000 คัน
คุณสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดเผยถึงนโยบายและแผนงานของรถยนต์ PEUGEOT ในประเทศไทยว่า “หลังจากที่ บริษัท เบลฟอร์ด ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ PEUGEOT (เปอโยต์) ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบันนับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า โดยมียอดขายสะสม 800 คัน โดยตามแผนงานของบริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างการรับรู้ให้ขยายในกลุ่มลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ตามแผนงานของบริษัทจะแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ 1 รุ่นในทุกปี โดยปีนี้ นอกจากรถยนต์ที่มีจำหน่ายในปัจจุบัน PEUGEOT 3008 และ PEUGEOT 5008 แล้วบริษัทได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ PEUGEOT 2008 ที่เป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดในยุโรป
พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้ปรับกลยุทธ์ด้านราคา โดยได้ปรับแผนเรื่องของราคาจำหน่ายทำให้ PEUGEOT 3008 ใหม่มีราคาที่ถูกลงกว่าเดิม ซึ่งการทำราคาให้ถูกลงในครั้งนี้เป็นการปรับนโยบายเรื่องการบริการหลังการขาย โดยไม่ได้นำค่าบำรุงรักษามาบวกกับราคารถยนต์ แต่ปรับเป็นการเปิดตัวแพคเกจการบริการหลังการขายแบบใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ PEUGEOT CARE ที่ทำแพ็กเกจเพื่อรองรับลูกค้ารถยนต์ PEUGEOT ทั้งเก่าและใหม่ให้ได้รับความคุ้มค่าในเรื่องการบริการ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการ และราคาอะไหล่ ของรถยนต์ PEUGEOT ในปัจจุบันไม่ได้มีราคาที่แพงอย่างที่คิด ซึ่งจะว่าไปแล้วมีราคาใกล้เคียงกับรถยนต์ญี่ปุ่น”
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เปอโยต์ ประเทศไทย เปิดตัว PEUGEOT 3008 เอสยูวี ใหม่ ผ่านการปรับโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวและดูทันสมัยยิ่งขึ้น ในราคา 1,689,000 บาท ภายใต้คอนเซ็ปต์ “FACE THE NEW FACE” ที่ถือว่าเป็นการปรับรูปโฉมให้ดูชัดเจนยิ่งขึ้นและสะดุดตากับกระจังหน้าไร้กรอบ สวยงามทันสมัยและให้ความรู้สึกลื่นไหลเพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้าแบบฟูลแอลอีดี ที่สามารถทำงานเป็นไฟตัดหมอกได้ในตัว โดยเมื่อผู้ขับเปิดไฟ ตัดหมอกหลัง ไฟหน้าจะติดอัตโนมัติด้วยระดับความเข้มของแสงที่ต่ำกว่าปกติ ขนาบข้างด้วยเดย์ไทม์รันนิงไลท์แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่องดักลมสีดำบนกันชนหน้า ขณะที่ปลายฝาประโปรงหน้า ติดตั้งตัวนูน 3008 ระบุรุ่นชัดเจน พร้อมราวหลังคาดีไซน์ใหม่ ให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น
ส่วนด้านท้ายไฟท้ายแบบฟูลแอลอีดี (รวมไฟถอยหลัง) สะท้อนกรงเล็บสิงโต (lion claws) ได้อย่างทรงพลัง พร้อมไฟเลี้ยวแบบไล่ระดับ ครอบแผงไฟท้ายทั้งหมดด้วยกระจกรมดำ ยาวจรดตัวถัง 2 ฝั่ง ช่วยให้รถดูกว้างขึ้นเมื่อมองจากด้านหลัง
โดยในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 500-550 คัน และตั้งเป้าในอีก 3 ปีข้างหน้าจะมียอดขายมากกว่า 4,000 คัน
ในส่วนของบริการหลังการขาย แพ็กเกจ PEUGEOT CARE คุณสุนทรพันธ์ ได้ให้ข้อมูลว่า แพ็กเกจ PEUGEOT CARE เป็นการเพิ่มอิสระในการเลือกซื้อให้ลูกค้า ด้วย 2 ทางเลือก บำรุงรักษา ครอบคลุมตั้งแต่ 10,000 กิโลเมตร ถึงสูงสุด 100,000 กิโลเมตร กับการเช็กระยะ 2 ครั้ง พร้อมส่วนลดค่าอะไหล่ 10% หรือการเช็กระยะ 4 ครั้ง พร้อมส่วนลดค่าอะไหล่ 15% โดยมาพร้อมการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง ทั่วประเทศ 3 ปีเต็ม เพื่อให้รถยนต์ PEUGEOT เป็นทางเลือกอันดับหนึ่งของรถยนต์ยุโรป
ปัจจุบัน PEUGEOT มีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร 5 สาขาในกรุงเทพฯ และ 3 สาขาต่างจังหวัด ได้แก่ สุขุมวิท, เยาวราช, เกษตร-นวมินทร์, PEUGEOT สตูดิโอ ชั้น 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน PEUGEOT สตูดิโอ สาขาวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์, สาขาอุบลราชธานี, สาขาภูเก็ต และสาขาหาดใหญ่ ซึ่งเพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของยอดขายในแต่ละปี และจะขยายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการเพิ่มเป็น 25 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี พร้อมกันนี้ทางเปอโยต์ ประเทศไทย ยังเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ PEUGEOT ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ อาทิ เชียงใหม่ นครสวรรค์ พิษณุโลก อุดร โคราช รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่บริษัท มีแผนจะขยายเพิ่มอีกประมาณ 7 สาขา เน้นกรุงเทพฯ รอบนอก เช่น ดอนเมือง หลักสี่ บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ทุ่งครุ พระราม 2 สมุทรปราการ บางนา มีนบุรี และหนองจอก
สำหรับแผนการนำรถยนต์พลังงานทางเลือกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น คุณสุนทรพันธ์ กล่าวว่า “PEUGEOT มีความพร้อมอย่างมากในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลังงานทางเลือก โดยเฉพาะสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งในประเทศไทยภาครัฐได้มีการกำหนดวิสัยทัศน์มีเป้าหมายการผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเป็นสัดส่วน 30% ของการผลิต (การผลิตกว่า 2 ล้านคันต่อปี) ในส่วนนี้ บริษัทได้มีการหารือกับบริษัทแม่ในการเตรียมความพร้อมด้านผลิตภัณฑ์ และส่วนอื่น ๆ ไว้พร้อมแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในส่วนของแผนงานของประเทศไทยก็ยังไม่ชัดเจน เพราะหากดูที่ด้านการผลิตแล้วในส่วนของซัพพลาย ยังไม่มีความพร้อมในหลายด้าน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานก็คงจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง จึงมองว่าความเป็นไปได้ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้านั้นคงต้องรอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม คาดว่าถ้าจะให้มีความพร้อมจริง ๆ น่าจะอีก 10 ปีข้างหน้า”
“เปอโยต์ ประเทศไทย มุ่งเน้นการสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้มีมากขึ้น เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง โดยที่ผ่านมาได้มีสร้างมิติใหม่ของการทำธุรกิจและการตลาดผ่าน LINE โดยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถผู้บริหารป้ายแดงไมล์ต่ำ พร้อมนัดหมายเพื่อทดลองขับรถยนต์เปอโยต์ผ่าน LINE และหลังจากนี้จะเน้นการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นด้วย ที่เห็นชัดเจนมากที่สุดในเวลานี้คือ โฆษณาบนป้ายบิลบอร์ดกว่า 10 จุด ทำให้กลุ่มคนได้เห็นแบรนด์มากยิ่งขึ้นด้วย” คุณสุนทรพันธ์ กล่าวปิดท้าย