‘Ghibli Operanera’ และ ‘Ghibli Operabianca’ 2 ยนตรกรรมรุ่นพิเศษ
มาเซราติ และ ฮิโรชิ ฟูจิวาระ เจ้าพ่อวัฒนธรรมแบบสตรีทชาวญี่ปุ่น ได้ร่วมมือกันเพื่อรังสรรค์โปรเจ็กต์ที่เปี่ยมด้วยความกล้าและบ้าบิ่น พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์ ในอาณาจักรที่สุนทรียะทางดนตรีถูกสอดแทรกไว้ในรถยนต์ เปิดตัวแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ณ กรุงโตเกียว เปรียบเสมือนบทเพลงอันไพเราะที่บรรเลงโดยคู่ศิลปิน ‘Operanera’ และ ‘Operabianca’ 2 ยนตรกรรมที่มีความแตกต่างอย่างโดดเด่น และเป็นเวอร์ชั่นพิเศษของ มาเซราติ กิบลี่
ความร่วมมือนี้ เป็นผลจากความสำเร็จของโปรแกรม ‘Maserati Fuoriserie’ ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า ออกแบบ มาเซราติ ได้ตามความชอบและรสนิยมส่วนตัว ส่งผลให้รถยนต์ไม่เป็นเพียงแค่วัตถุ แต่เป็นเสมือนเสื้อผ้าสั่งตัดที่เจ้าของสามารถสวมใส่อย่างมั่นใจ สะท้อนตัวตนรวมถึงรสนิยมของผู้ครอบครอง และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหราร่วมสมัย ฮิโรชิ ฟูจิวาระ เป็นผู้นำเทรนด์ที่โด่งดัง เปี่ยมด้วยอิสระในการสร้างสรรค์ และเป็นผู้บุกเบิกแฟชั่นเครื่องแต่งกายแนวสตรีทในโตเกียวช่วงปี 1980 อีกทั้งยังเป็นดีเจคนแรกๆ ที่นำดนตรีฮิปฮอปมาสู่แดนอาทิตย์อุทัย และเคยร่วมงานกับหลายศิลปินชื่อดังในฐานะโปรดิวเซอร์และนักดนตรี เขามีความเชี่ยวชาญในการสื่อถึงมุมมองต่าง ๆ ผ่านอารมณ์แบบคนเมือง พร้อมศักยภาพในการฟันฝ่าอุปสรรค ด้วยความกล้า บ้าบิ่น เหมือนกับรถยนต์ มาเซราติ ภายใต้แนวคิดแบบ ‘ITANJI’ ในภาษาญี่ปุ่น หรือการผสมผสานระหว่างอิตาเลียนดีไซน์ และความสมบูรณ์แบบในสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของ ‘Operanera’ และ ‘Operabianca’
สไตล์ของ มาเซราติ และบุคลิกของ ฟูจิวาระ ล้วนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล การมาบรรจบกันระหว่างรูปลักษณ์ของ มาเซราติ และวัฒนธรรมแบบสตรีทของแบรนด์ ‘Fragment’ ก่อให้เกิดความร่วมมือในการรังสรรค์งานศิลป์ ที่สื่อถึงความหมายของ Maserati meets Fragment ได้ดีที่สุด
Operanera และ Operabianca คือ 2 ยนตรกรรมรุ่นพิเศษที่เปรียบเสมือน ‘เพลงติดล้อ’ (A song on wheels) มาพร้อมตัวถังสีดำและขาวตามลำดับ ใช้พื้นฐานจากรุ่น กิบลี่ กรันลุซโซ่ (Ghibli GranLusso) ผลิตจำกัด 175 คันทั่วโลก
ภายนอกตกแต่งตามสไตล์ของ ฟูจิวาระ ด้วยกระจังหน้าแบบพิเศษ พร้อมโลโก้ดีไซน์ใหม่ ติดตั้งบริเวณเสาซี พร้อมล้อแม็ก Urano สีดำด้านขอบ 20 นิ้ว มือจับประตูและล้อแม็กพ่นสีเดียวกับตัวถัง ห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังแท้เกรดพรีเมียมและอัลคันทารา สอดแทรกด้วยตะเข็บแนวตั้งสีเงินบนเบาะ พร้อมโลโก้ตรีศูลบริเวณพนักพิงศีรษะสีเดียวกัน และใช้เข็มขัดนิรภัยสีน้ำเงินเข้ม
ปิดท้ายด้วยการเพิ่มรหัส M157110519FRG บริเวณช่องลมด้านข้าง โดย 4 ตัวแรกเป็นรหัสตัวถังของ มาเซราติ กิบลี่ ขณะที่เลข 6 หลักถัดไป แสดงถึงวันที่มีการนัดพบกันครั้งแรก ระหว่าง ฮิโรชิ และ Centro Stile Maserati (5 พฤศจิกายน 2019) ส่วน 3 ตัวสุดท้าย คือ อักษรย่อของ Fragment
นอกเหนือจากการเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ ก็มีการผลิตเครื่องแต่งกายคอลเล็กชั่นเฉพาะกิจ (capsule collection) ที่ผ่านการออกแบบร่วมกับ ฟูจิวาระ ด้วยแนวคิดที่แปลกใหม่เช่นเดียวกับตัวรถ