GPI เดินหน้าปั้นธุรกิจอีสปอร์ต วางเป้าหมายพัฒนาการแข่งขันสู่ระดับภูมิภาคเอเชีย
‘บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล’ หรือ GPI เดินหน้าปั้นธุรกิจอีสปอร์ต หลังเห็นโอกาสจากเทรนด์การเติบโตของรายได้จากอีสปอร์ตทั่วโลก รุกประสานงานสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติพัฒนาการจัดแข่งขันเกมแข่งรถผ่านระบบออนไลน์ ‘Gran Turismo’ สู่ระดับภูมิภาคเอเชีย พร้อมโชว์ผลตอบรับการจัดแข่งขัน 5 รายการในรอบปี 2563 มีผู้เข้าชมทางออนไลน์รวมกว่า 5 ล้านครั้ง
นายอโณทัย เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าปฏิบัติการด้านพัฒนาธุรกิจ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ผู้นำสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมให้บริการข่าวสาร ข้อมูล สาระ เพื่อสร้างประสบการณ์ และความบันเทิงที่น่าประทับใจตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ยานยนต์ เปิดเผยว่า ได้วางแผนพัฒนาธุรกิจอีสปอร์ตเพื่อสร้างรายได้แก่บริษัทฯ เพิ่มขึ้น เนื่องจากมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการเติบโตของอีสปอร์ตทั่วโลก ที่มีเม็ดเงินเข้ามาสนับสนุนการจัดแข่งขันดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าในปี 2563 ธุรกิจอีสปอร์ตทั่วโลกจะมีรายได้รวมประมาณ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตกว่า 15% จากปีก่อน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,550 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566
สำหรับแผนงานปี 2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายยกระดับธุรกิจอีสปอร์ต สู่การเป็นผู้จัดการแข่งขันเกมแข่งรถ Gran Turismo ในระดับภูมิภาคเอเชียผ่านระบบออนไลน์ โดยอยู่ระหว่างการประสานงานกับสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติหรือ Federation International de Automobile (FIA) เพื่อรับรองการจัดแข่งขันในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล จากปัจจุบันที่ GPI เป็นผู้ได้รับสิทธิ์จากผู้พัฒนาเกมดังกล่าวเป็นในการจัดแข่งขันเกมดังกล่าวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อรายการ GP eRacing
ขณะที่ผลตอบรับของการจัดแข่งขันเกมแข่งรถ Gran Turismo ทางออนไลน์ในรูปแบบดิจิทัลมอเตอร์สปอร์ต ในรอบปี 2563 ได้ดำเนินการจัดแข่งขันในระดับประเทศ รวม 5 รายการ โดยถ่ายทอดสดทางระบบ Online Livestream ผ่าน Facebook เช่น รายการ Thailand Super Series, รายการ Gran Turismo Pro Series, รายการ B-quick team ที่ได้รับการสนับสนุนสปอนเซอร์จาก B-quick เป็นต้น ซึ่งทุกรายการที่แข่งขันมีผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ
“จากการจัดแข่งขันทั้ง 5 รายการที่ผ่านมา เรามีผู้ชมการแข่งขันทางออนไลน์รวมทั้งสิ้นกว่า 5 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปี 2562ที่มีผู้ชมรวม 1.9 ล้านครั้งจากการจัดแข่งขันรวม 4 ครั้ง ซึ่งจำนวนผู้ชมจะส่งผลดีต่อโอกาสสร้างรายได้จากผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขันเพิ่มขึ้น” นายอโณทัย กล่าวปิดท้าย