web analytics

ติดต่อเรา

Mercedes-Benz SUV Driving Events ผู้หญิงก็ขับออฟโรดได้

BY…TEERA

เมอร์เซเดส-เบนซ์ รถหรูที่หลายท่านมองว่าต้องขับขี่ในเมืองเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน เบนซ์ ได้ออกรถในกลุ่ม GL มากขึ้นหลากหลายรุ่น ซึ่งเป็นรถในรูปแบบ Crossover และ SUV โดยได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“Mercedes-Benz SUV Driving Events” เป็นหนึ่งในกิจกรรมรูปแบบใหม่จากค่ายเบนซ์ ที่มาเปิดประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ ทั้งในด้านความรู้และทักษะในการขับขี่สำหรับผู้หญิง ซึ่งทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้นำรถ Mercedes AMG E53 4MATIC+ มาให้รถทดสอบบนถนนจริงแบบขับยาว ๆ จากกรุงเทพฯ ไปจนถึงสนามทดสอบกันเลย

Mercedes AMG E53 4MATIC+ มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. กำลังสูงสุดมากถึง 435 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 520 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G-Tronic เรียกว่าหลังติดเบาะทุกครั้งเมื่อกดคันเร่ง เราเดินทางจากกรุงเทพฯ มาถึง กาญจนบุรี แบบชิว ๆ เพราะนอกจากรถคันนี้จะมีสมรรถนะสูงในการขับขี่ทีดีแล้วยังนั่งสบายขับง่ายในการเดินทางไกลจริง ๆ

Grand Prix Motor Park จังหวัดกาญจนบุรี คือจุดหมายปลายทางในการทดสอบสมรรถนะกับกิจกรรม Mercedes-Benz SUV Driving Events ซึ่งที่นี่มีสนามให้ทดสอบ 3 รูปแบบ ด้วยกัน

เริ่มจากสถานีแรกกับ 4×4 Adventure เส้นทางธรรมชาติระยะทาง 4.5 กิโลเมตร รถที่ใช้ในการทดสอบ Mercedes-Benz GLC 300 e 4Matic AMG Dynamic ที่ใช้ขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังได้สูงสุด 320 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic ในราคาค่าตัว 3,749,000 บาท สถานที่ทดสอบเป็นป่าจริง ทางดินล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่เล็ก เป็นทางเนินดินขึ้นลงเป็นระยะ การทดสอบขับตามรถนำในเส้นทางใช้ความเร็วไม่มากไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายในการขับขี่ ประกอบกับประสิทธิภาพของรถที่ดีทำให้ผ่านเส้นทางได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงขับก็ตาม กล้องรอบคันนั้นมีประโยชน์มากนอกจากจะเอาไว้จอดรถ แต่ในสถานที่ไม่อำนวยก็จะเห็นประโยชน์ของกล้องอีกอย่าง ที่จะเห็นสภาพถนนโดยรอบจากภายในรถ เปรียบเสมือนมีคนช่วยมองทางอีกคน เส้นทางไม่ยากมากในการทดสอบผ่านได้อย่างง่ายดาย

สถานีที่สอง Off-Road โดยในสถานีนี้จะถูกแบ่งย่อยออกไปอีก รถทดสอบในสถานีนี้มีหลากหลายมากทั้ง GLC, GLE และ GLS เรียกได้ว่าราคารถในสถานีนี้รวมกันหลาย 10 ล้านเลย

มาเริ่มกับหลุมสลับ ซึ่งเส้นทางเป็นทางปูนที่มีหลุมขนาดใหญ่สลับซ้าย-ขวากันไปเรื่อย ๆ ซึ่งผู้ออกแบบตั้งใจให้ล้อมีการลอยขึ้น 1 ล้อ แต่ในบางจังหวะจะมีลอย 2 ล้อ เพื่อดูระบบการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อว่าทำงานได้ดีอย่างไร ถือว่าผ่านได้อย่างง่ายดายด้วยตัวรถที่สามารถยกสูงกว่าปกติ เพื่อเส้นทางออฟโรดโดยเฉพาะ พร้อมระบบขับ 4 ที่ทำงานแบบอัตโนมัติ เมื่อล้อไหนลอยขึ้นระบบส่งกำลังจะส่งกำลังไปที่ล้อที่ยังจับกับพื้นถนนอยู่ ผู้ขับเพียงแค่เดินคันเร่งเบา ๆ รถก็จะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

สถานีย่อยต่อมากับการลุยในบ่อน้ำ สูงประมาณ 50 ซม. ก็ไม่ยากอะไรนัก ด้วยตัวรถที่มีความสูง ทำให้ผ่านอุปสรรคได้ ต่อด้วยสถานีวิ่งบนท่อนซุง ที่เรียงรายนอนขวางเส้นทางอยู่ เพื่อทดสอบระบบการทำงานของช่วงล่าง ว่าจะทำได้นุ่มนวลขนาดไหน พร้อมอาการโค้งของรถนั้น เป็นอย่างไรบ้าง GLE ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ช่วงล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานีย่อยบนพื้นเอียง แต่เพิ่มความยากตรงมี  Slalom ด้วย ให้รถเราวิ่งสลับไปมาซ้าย-ขวา บางจังหวะที่รถจะลอย 2 ล้อแน่นอน แต่ด้วยระบบการจัดการขับเคลื่อน 4 ล้อ 4Matic ที่มาใน Mercedes-Benz มันทำให้เรื่องง่าย ระบบจะทำงานแบบ ดิฟต์ล็อกไฟฟ้าอัตโนมัติ ผู้ขับขี่แค่เดินคันเร่งเบา ๆ ระบบจะจัดการทั้งหมดเอง

กับการขึ้นลงทางลาดชัน ด้วยพื้นที่เอียงระดับ 40 องศา มันจะทำให้เราเห็นแต่ท้องฟ้า ไม่เห็นพื้นที่เราจะวิ่งไปเลย แต่เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเพราะเราสามารถเปิดกล้อง 360 องศา เราก็จะเห็นทุกอย่างรอบรถ

สถานีสุดท้าย ในรูปแบบ Cross Country เส้นทางยาว 3 กม. เป็นทางดินสลับกับหินเล็กใหญ่ ทั้งสนาม วิ่งด้วยความเร็วพอประมาณด้วยสภาพทางที่เป็นฝุ่นและหิน แต่ตัวรถที่มีประสิทธิภาพที่ดีทำให้ผ่านเส้นทางได้อย่างนุ่มนวล ระบบความปลอดภัยภายในรถทำงานได้อย่างดีแม้จะปิดระบบ ESP แล้ว แต่ถ้าเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดระบบก็จะเข้ามาช่วยแก้ไข ให้ตัวรถอยู่ในเลนเช่นเดิม ทำให้รู้สึกปลอดภัย และประทับใจ กับกิจกรรม Mercedes-Benz SUV Driving Events ครั้งนี้เป็นอย่างมาก

กิจกรรมนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผู้หญิงในทริปนี้ ที่จะได้เรียนรู้ถึงการขับขี่บนเส้นทางออฟโรด เพื่อเพิ่มเติมความรู้หรือบอกเล่าประสบการณ์ที่ดีได้ และยิ่งกับรถ Mercedes-Benz ที่อาจจะมีโอกาสไม่มากนักที่จะได้ขับขี่ในสภาพถนนแบบนี้ แต่ก็แสดงให้เห็นว่ารถที่ดีมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ นั้น ส่งผลทำให้การขับขี่ในทางออฟโรดนั้นทำได้อย่างง่ายดาย เพราะตัวช่วยในระบบต่าง ๆ ของรถนั้นมากมาย เพียงแค่เราควบคุมรถให้ดีตัวรถก็จะผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *