Bridgestone นำเทคโนโลยี ENLITEN มาใช้กับ Volkswagen
บริดจสโตน ผู้นำด้านโซลูชั่นขั้นสูงและการเดินทางอย่างยั่งยืน เผยว่าเทคโนโลยี ENLITEN (เอ็นไลท์เทน) ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และมีน้ำหนักเบาได้รับการออกแบบในยาง Turanza Eco ซึ่งยาง Turanza Eco นั้นได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถ Golf 8 รุ่นล่าสุดของ โฟล์กสวาเกน (Volkswagen) ซึ่งเป็นรุ่นที่แปดของรถแฮทช์แบคที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น โดยมีการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย ซึ่งรวมถึงโหมดการควบคุมกึ่งอิสระที่ช่วยให้รถขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเองและเทคโนโลยีช่วงล่างแบบใหม่ที่เพิ่มสมรรถนะการควบคุมและความคล่องตัวในการขับขี่ อย่างยางบริดจสโตน Turanza Eco ที่ได้รับการออกแบบเฉพาะด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ซึ่งได้ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ให้กับรถ Golf 8
[1] จากข้อมูลภายในของ Bridgestone เปรียบเทียบระหว่างยางพรีเมียมฤดูร้อนของ Bridgestone ที่มีและไม่มีเทคโนโลยี ENLITEN โดยใช้ยางขนาดเท่ากัน (92Y 225/40R18 XL)
โดยช่วยให้มีความต้านทานการหมุนต่ำเป็นพิเศษ1 เพื่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดีเยี่ยม โดยลดการใช้วัตถุดิบในการผลิตลงและได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนทางเปียกและลดการสึกหรอ เทคโนโลยี ENLITEN ของ บริดจสโตน ยังมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง และในขณะเดียวกันก็ยังเพิ่มสมรรถนะการควบคุมรถและความคล่องตัวในการขับขี่ผ่านมวลการหมุนที่ลดลง เพื่อช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับการขับขี่มากยิ่งขึ้น
หลังจากที่มีการประกาศข่าวไปเมื่อไม่นานนี้ว่า มีการนำเทคโนโลยี ENLITEN มาสู่ท้องถนนเป็นครั้งแรกในงาน Volkswagen’s ID.3 นี่ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของความร่วมมือระยะยาวระหว่าง บริดจสโตน และโฟล์กสวาเกน
ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมรถและความคล่องตัวในการขับขี่
ขณะที่กำลังพัฒนารถ Golf 8 รุ่นใหม่ โฟล์กสวาเกน ต้องการยางที่มีความต้านทานการหมุนต่ำเป็นพิเศษโดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านอื่น ๆ บริดจสโตน ซึ่งเป็นพันธมิตรระยะยาวของโฟล์กสวาเกน ได้ตอบโจทย์นั้นด้วยยาง Turanza Eco ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะด้วยเทคโนโลยี ENLITEN ซึ่งได้รับฉลาก EU ที่ดีที่สุดในระดับ A-grade ในด้านความต้านทานการหมุนและด้านอื่น ๆ อีกมากมาย
คุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของยางที่ได้รับการออกแบบอย่างพิเศษนี้ คือการช่วยเพิ่มสมรรถนะการควบคุมรถ ซึ่งเกิดจากการผสานวัสดุพิเศษที่ใช้สร้างเทคโนโลยี ENLITEN เข้ากับกระบวนการผสมแบบใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการต้านการสึกหรอของเทคโนโลยีคอมพาวนด์ โดยไม่ส่งผลต่อการยึดเกาะถนนและด้วยช่องว่างและการออกแบบรูปแบบ 3 มิติเต็มรูปแบบที่เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่บนทางเปียกและการต้านการสึกหรอ ทำให้มั่นใจได้ว่ายางบริดจสโตน Turanza Eco ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี ENLITEN จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและการขับขี่บนทางเปียก ซึ่งได้รับฉลาก EU ในระดับ B โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการสึกหรอ โดยคุณสมบัติของการออกแบบและการพัฒนาเหล่านี้ผสานเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มสมรรถนะการควบคุมรถ โฟล์กสวาเกน Golf 8 เพื่อให้ได้รับความเพลิดเพลินกับการขับขี่มากยิ่งขึ้น
ควบคู่ไปกับความคล่องตัวในการขับขี่ที่ดีขึ้นเนื่องจากแรงต้านทานการหมุนที่ลดลง เทคโนโลยียางน้ำหนักเบาที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของบริดจสโตน ยังได้สร้างมาตรฐานใหม่ในการลดการใช้วัสดุและลดความต้านทานการหมุนลงเพื่อมอบประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ ยางที่มีเทคโนโลยี ENLITEN มีความต้านทานการหมุนที่ต่ำกว่ายางพรีเมียมสำหรับงานใช้งานช่วงฤดูร้อนทั่วไปของบริดจสโตนถึง 30 เปอร์เซ็นต์1 และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย นอกจากนี้ยางที่มีเทคโนโลยี ENLITEN ยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นโดยลดน้ำหนักลงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับยางพรีเมียมฤดูร้อนทั่วไปของ บริดจสโตน1 ซึ่งเท่ากับว่าทรัพยากรวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการผลิตยางแต่ละเส้นน้อยลงถึง 2 กก. นับเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอีกประการหนึ่งในแง่ของการใช้ทรัพยากรและการจัดการวัสดุเมื่อสิ้นสุดอายุการใช้งานในขั้นตอนสุดท้าย
ประโยชน์ของเทคโนโลยี ENLITEN ที่มีต่อ โฟล์กสวาเกน
ยาง Turanza Eco รุ่น 205 / 55R16 91H เป็นยางรุ่นล่าสุดที่มีเทคโนโลยี ENLITEN ได้รับการพัฒนาที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Bridgestone EMIA ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี และผลิตขึ้นในประเทศสเปน และจำหน่ายแล้วในตลาดยุโรปตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020
Steven De Bock รองประธานฝ่าย Consumer Replacement และ OE ที่ บริดจสโตน EMIA ได้กล่าวถึงการเปิดตัวนี้ว่า “เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราได้พูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยี ENLITEN ว่าเป็นความก้าวหน้าในการพัฒนายางที่ยั่งยืน และถูกต้อง แต่การเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ก็สำคัญเช่นกัน ด้วยความต้านทานการขับขี่ที่ต่ำและน้ำหนักที่เบาของ Turanza Eco กับเทคโนโลยี ENLITEN จึงทำให้ยางเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่อย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะในเครื่องยนต์ที่ใช้กำลังต่ำ เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่เราสามารถนำคุณสมบัติที่หลากหลายของเทคโนโลยี ENLITEN มาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งก็คือความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความเพลิดเพลินในการขับขี่ และต้องขอบคุณความร่วมมือจาก โฟล์กสวาเกน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ร่วมงานกันมายาวนานของเรา โดยที่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะมอบคุณค่าให้กับสังคมและลูกค้าในฐานะบริษัทโซลูชั่นที่ยั่งยืนต่อไป”