เตรียมแพ็คกระเป๋ารอ ตาม 3 บล็อกเกอร์ไปเที่ยวดำน้ำ เล่น Surf สุดมันส์ที่อินโดกัน!
ถึงแม้ช่วงนี้ทุกคนต้องอยู่ในภาวะปรับตัวกันอย่างฉับพลันจากเหตุการณ์ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่เราต่างรู้กันอยู่แล้วว่า การดูแลตัวเองและหากิจกรรมทำอยู่ที่บ้าน นับเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะช่วยชาติลดการระบาดของไวรัสตัวนี้ได้ดีที่สุด และด้วยภารกิจ work from home ที่หลาย ๆ คนต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันกันอยู่แล้ว คุณคิดว่าจะมีกิจกรรมอะไรอีกที่จะปลุกหัวใจมนุษย์ทำงานอย่างเรา ๆ ให้กลับมากระชุ่มกระชวยและมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง? เราเชื่อว่าหนึ่งใน top list ที่ผู้คนเฝ้ารอคอยให้เหตุการณ์ COVID-19 ผ่านไป คือการเตรียมแผนเที่ยวแน่นอน ว่าแต่จะเที่ยวฉลองอิสรภาพหลังจากอยู่บ้านกันเป็นเดือนๆ ยังไงให้น่าจดจำดีล่ะ? วันนี้เราเลยมีกิจกรรมเก๋ๆ อย่าง surfing จากหนุ่มสาวที่หลงใหลการปะทะคลื่นลมมาแบ่งปันกัน
“แนนซี่” สาว Beach Girl สายแอดเวนเจอร์ เจ้าของเพจ HappyNancy ที่นิยามตัวเองว่าเป็นผู้หญิงบ้าพลังที่หลงรักทะเล บ้าบิกินี่ บ้าดำน้ำ และชอบเล่นกีฬา แนนซี่เริ่มติดใจการเล่นกีฬาทางน้ำจากการได้ลอง scuba diving แล้วประทับใจความสวยงามใต้ทะเล เลยลองกีฬาทางน้ำอื่นๆ จนมาเล่นเซิร์ฟจริงจัง “เสน่ห์ของการเล่นเซิร์ฟสำหรับแนนซี่คือการได้ออกกำลังกายแบบใกล้ชิดธรรมชาติมากที่สุด โดยเฉพาะในสังคมของคนเล่นเซิร์ฟ จะเป็นกลุ่มคนที่ชอบใกล้ชิดและห่วงใยธรรมชาติ ซึ่งเป็นสังคมที่น่ารักสำหรับเรา”
หากถามถึงสถานที่เล่นเซิร์ฟ Bali และ Lombok คือชื่อแรก ๆ ที่แนนซี่พูดถึง เพราะเป็นที่ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่ม Beginner และ Intermediate ขึ้นไป แนนซี่บอกว่าหากใครชอบเล่นแบบ Longboard หรือการใช้กระดานขนาดประมาณ 9 ฟุต แล่นบนคลื่นสบายหน่อย เธอแนะนำแถว Seminyak หรือ Kuta แต่ถ้าใครนิยมความเร็วและคล่องตัวกว่า ในสไตล์การเล่น Shortboard ที่ใช้กระดานขนาดสั้นที่สุดอยู่ที่ประมาณ 5-7 ฟุต แนนซี่แนะนำแถว Sambu เพราะคลื่นจะมีแนวโค้งมากกว่า “แนนซี่มองว่าแถวบาหลีและลอมบอกเดินทางสะดวก เป็นที่ที่ให้ได้ครบทุกอย่างในหนึ่งทริปการท่องเที่ยวได้เลย เพราะนอกจากจะมีที่เล่นเซิร์ฟมากมายแล้ว ยังมีสถานที่ให้เพลิดเพลินอย่างอื่นได้ด้วย เช่น ภูเขา น้ำตก รวมถึงคาเฟ่ต่าง ๆ ให้คนได้พักชิล จิบกาแฟอินโดอร่อย ๆ ได้อีกด้วย ที่จริงแล้ว แนนซี่ว่าเสน่ห์ของอินโดนีเซียคือมีความหลากหลายทางชีวภาพใต้น้ำมากที่สุดในโลกที่หนึ่ง ถ้าใครเป็นสายกีฬาทางน้ำ นอกจากเซิร์ฟแล้ว โลกใต้ทะเลของอินโดก็ไม่แพ้กัน”
“เฟิร์น” สาวภูเก็ตสายกีฬาแอดเวนเจอร์อีกคน เจ้าของเพจ Surf Step ผู้รักอิสระและหลงใหลการเล่นเซิร์ฟอย่างบ้าคลั่ง โดยมีคุณพ่อเป็นผู้จุดประกายท้าทายให้ลองเล่นเซิร์ฟที่เขาหลักเป็นที่แรก สำหรับเฟิร์นการได้อยู่ใกล้ทะเลและอยู่ในบรรยากาศของคนเล่นเซิร์ฟด้วยกันถือเป็นช่วงเวลาชาร์จพลังให้ชีวิตของเธอ “เวลาอยู่บนกระดานแล้วได้โต้คลื่น จังหวะนั้นเฟิร์นรู้สึกอิสระมาก รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยและได้รับพลังกลับมาในเวลาเดียวกัน ยิ่งเวลาที่เราได้เห็นรอยยิ้มของคนเล่นเซิร์ฟด้วยกัน พูดคุย ถามไถ่ แนะนำถึงการเล่นเรายิ่งรู้สึกได้แรงใจเพิ่มเข้าไปอีก” สถานที่ที่เฟิร์นยกให้เป็นที่โปรดในการเล่นเซิร์ฟของเธอนอกจากที่ภูเก็ตบ้านเกิดแล้ว คือ Bali แถวเกาะ Nusa Penida “ที่นี่นอกจากเป็นเกาะที่มีปะการังเยอะมากแล้ว น้ำก็ใสเป็นคริสตัลเลย แล้วระดับคลื่นสูงประมาณ 3-4 ฟุต ซึ่งเป็นขนาดที่เฟิร์นกำลังสนุก” เฟิร์นบอกว่าสำหรับเธอ ความแตกต่างในการเล่นเซิร์ฟที่เมืองไทยและอินโดนีเซียคือ ขนาดคลื่นที่อินโดนีเซียจะสูงและมีลักษณะยาวกว่า ทำให้เวลาส่งตัวไปตาม Line up หรือจุดที่คลื่นเริ่มแตกตัวเพื่อ take off จับคลื่นให้ตัวเองทรงตัวบนกระดานโต้คลื่นได้นานกว่า และช่วยฝึกถ่ายน้ำหนักเพื่อกำหนดทิศทางที่ต้องการไปต่อได้อีก และจากประสบการณ์ของเธอ เฟิร์นแนะนำว่าไม่ว่าคุณจะนิยมเล่นเซิร์ฟแบบเดี่ยวหรือกลุ่ม หรือชอบความท้าทายแค่ไหน ขอให้จำไว้ว่า “สนุกได้แต่ต้องปลอดภัยไว้ก่อน”
มาที่หนุ่มคนสุดท้าย “ต๊ะ” ทวิโรจน์ เอี่ยวพานิช หนุ่ม Beach Lifestyle Blogger เจ้าของเพจ Surfer’s Holiday ที่บอกว่าตัวเองหลงรักทะเลมากๆ และโชคดีที่ได้ใช้ชีวิตติดทะเล แต่ละวันจึงเหมือนได้เที่ยวพักผ่อนและทำงานไปในตัว กิจกรรมบางวันได้ไปโต้คลื่น บางวันได้ดำน้ำกลางทะเลอันดามัน บางวันก็มีโอกาสเดินทางไปประเทศหรือเมืองใหม่ ๆ ตามโอกาส ความสุขในการเล่นเซิร์ฟของต๊ะคือ ความสงบและอิสระ เมื่อไหร่ที่ได้อยู่บนกระดานโต้คลื่น นาทีนั้นคือการตัดทุกอย่างออกไป แล้วจดจ่ออยู่กับจังหวะ surf เท่านั้น “คนที่ยังไม่เคยเล่นเซิร์ฟ อยากให้ลองเปิดใจ เพราะถ้าคุณได้สัมผัสด้วยตัวเองแล้ว จะเหมือนกับว่าคุณได้ unlock ตัวคุณเอง แล้วเจออิสระอีกรูปแบบหนึ่งเลย”
จากประสบการณ์ในวงการเซิร์ฟประมาณ 10 ปี ต๊ะเลือกให้ Bali เป็นเมืองสำหรับ surfer เนื่องจากวัฒนธรรมและบรรยากาศในเมืองเอื้อให้ชาวเซิร์ฟรู้สึกมีชีวิตชีวาไปโดยธรรมชาติ อีกจุดคือ Lombok ที่ต๊ะแนะนำว่าชาวเซิร์ฟกำลังให้ความสนใจ เพราะคนยังไม่พลุกพล่าน ส่วน Cimaja นอกจากจะเป็นเมืองเซิร์ฟอีกแห่งในใจ ต๊ะยังยกให้เป็นเมือง trekking ที่เปิดประสบการณ์สุดประทับใจในอินโดนีเซียให้เขาจนทุกวันนี้
“อินโดนีเซียคือประเทศสำหรับสายเซิร์ฟที่แท้จริง เพราะเซิร์ฟเป็นวัฒนธรรมของเขา จริง ๆ แล้ว ผมมองว่าอินโดนีเซียคือเมืองแห่งการผจญภัยมาก ๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเซิร์ฟหรือดำน้ำเท่านั้น ยังมีเรื่อง trekking ปีนเขา เดินป่า อีกหลายจุดให้นักท่องเที่ยวสาย extreme ได้ลองสัมผัสกัน”
เอาเป็นว่า มีสายเซิร์ฟ สายแอดเวนเจอร์ตัวจริงมายืนยันความมันส์ของประเทศอินโดนีเซียกันขนาดนี้แล้ว คิดว่าหลายคนน่าจะมองอินโดนีเซียเป็นอีกหนึ่งสถานที่เตรียมวางแผนเที่ยวปลดปล่อยอิสรภาพหลังเก็บตัวช่วง COVID-19 กันบ้างล่ะ แต่ระหว่างนี้ … อยู่บ้าน … หยุดเชื้อ … เพื่อชาติ … กันก่อนนนน