ลอรีอัล เผยยอดขาย ปี 2562 เติบโต +8.0% ทุบสถิติในรอบทศวรรษ
ลอรีอัล กรุ๊ป เปิดเผยข้อมูลผลการดำเนินงานปี 2562 โดยบริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น +8.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมียอดขายรวมมูลค่า 2.987 หมื่นล้านยูโร ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550
นายฌอง-พอล แอกง (Jean-Paul Agon) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของลอรีอัล กล่าวว่า “ลอรีอัลสามารถส่งท้ายทศวรรษที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยม ท่ามกลางตลาดความงามที่ยังคึกคักเป็นอย่างยิ่ง ยอดขายทุกแผนกเติบโตขึ้น ยอดขายแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oréal Luxe) สูงกว่า 1.1 หมื่นล้านยูโร จากการเติบโตของ 4 แบรนด์ใหญ่ของลอรีอัล ได้แก่ ลังโคม อีฟ แซงต์ โลร็องต์ จิออร์จิโอ อาร์มานี และคีลส์ ซึ่งสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นในอัตราเลข 2 หลักได้ทุกแบรนด์ ส่วนแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง (Active Cosmetics) ก็ทำยอดขายทั้งปีได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยยอดขาย ลา โรช-โพเซย์ ทะลุ 1 พันล้านยูโร ขณะที่การขยายตัวของแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค (Consumer Products) ก็ได้แรงหนุนจากแบรนด์ ลอรีอัล ปารีส ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดทั้งปีได้ดีเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งยอดขายในแผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products) ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งไฮไลท์อยู่ที่การเติบโตในอัตราเลข 2 หลักของแบรนด์ เคเรสตาส”
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่แบ่งตามโซนภูมิภาคมีความแตกต่างกัน โดยกลุ่มตลาดใหม่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี และตลาดเอเชียแปซิฟิกก้าวขึ้นมาเป็นภูมิภาคอันดับหนึ่ง ผลักดันด้วยยอดขายในจีนที่เติบโตช่วงปลายปี รวมทั้งยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นในเกาหลีใต้ อินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในส่วนตลาดยุโรปตะวันออกสามารถรักษาอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ ในขณะที่ยุโรปตะวันตกก็สามารถหวนคืนสู่การขยายตัวได้อีกครั้งในปีที่แล้ว แต่อเมริกาเหนือได้รับผลกระทบจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เมคอัพ
ช่องทางอี-คอมเมิร์ซ และค้าปลีกท่องเที่ยว ยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่ทรงพลัง ซึ่งมีส่วนสนับสนุนเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จของกลุ่มบริษัท โดยอี-คอมเมิร์ซขยายตัวอย่างโดดเด่นในอัตรา +52.4% และมียอดขายคิดเป็นสัดส่วน 15.6% ของยอดขายรวม ขณะที่ช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวก็ยังมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมียอดขายเพิ่มขึ้น +25.3%
ความแข็งแกร่งของรูปแบบธุรกิจที่มีความสมดุลของลอรีอัลนำมาซึ่งความสำเร็จอีกครั้งในปีนี้ โดยการดำเนินธุรกิจทั่วโลกของลอรีอัล ซึ่งครอบคลุมตลาดความงามทั้งหมด รวมทั้งทีมงานผู้มีความสามารถที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้บริษัทสามารถบรรลุผลกำไร และเติบโตยั่งยืน อีกทั้งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะของบริษัทในฐานะผู้นำตลาดความงาม
ในขณะที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศในปี 2562 แต่ลอรีอัลก็ยังคงสานต่อพันธสัญญาในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน โดย CDP ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ให้แก่บริษัทอีกครั้งเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จากการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการต่อสู้กับการทำลายป่า โดยลอรีอัลได้รับการรับรองให้เป็นบริษัทที่มีจริยธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจากการจัดอันดับของ Ethisphere Institute เป็นครั้งที่ 10 นอกจากนี้ ลอรีอัลยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องความเสมอภาคทางเพศ และความเป็นผู้นำของบริษัทในด้านนี้ได้รับการยกย่องจาก Equileap และ Bloomberg ซึ่งผลการดำเนินงานที่นอกเหนือจากตัวเลขยอดขายเหล่านี้ ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับบริษัท ซึ่งมีพันธกิจที่แน่วแน่ต่อการส่งเสริมธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน
ช่วงเวลาหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ จะเป็นความท้าทายสำหรับประชาชนชาวจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา บริษัทขอส่งกำลังใจและจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยพร้อมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับทีมงานของเราในจีนอย่างแน่นอน บริษัทเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด และเชื่อมั่นในทางการจีนว่าจะดำเนินมาตรการอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดครั้งนี้อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลกระทบเพียงชั่วคราวต่อตลาดความงามในภูมิภาคนี้และต่อธุรกิจของลอรีอัลในจีน ตลอดจนช่องทางค้าปลีกท่องเที่ยวจีน ถึงแม้ว่าอาจจะเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบก็ตาม แต่ด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ที่บริษัทเคยเผชิญมาแล้วกับสถานการณ์แบบเดียวกันในอดีต (โรค SARS, MERS เป็นต้น) แสดงให้เห็นว่า หลังจากช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายนี้ผ่านพ้นไป การอุปโภคบริโภคก็จะแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาอีกครั้ง ดังนั้น ถ้าหากตั้งสมมติฐานว่า การแพร่ระบาดครั้งนี้จะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้น บริษัทมั่นใจในศักยภาพว่า ในปีนี้จะสามารถเติบโตสูงกว่าตลาดความงาม และทำยอดขายและกำไรที่เติบโตขึ้นอีกปี