web analytics

ติดต่อเรา

NEW MG EXTENDER กับบทดสอบ…ขุนช่างเคี่ยน

NEW MG EXTENDER กระบะรุ่นแรกที่ค่าย MG เอาออกมาตีตลาดหวังเจาะกลุ่มผู้บริโภคให้ครบทุกเซ็กเมนต์ โดยชูโรงในเรื่องของ กระบะพันธุ์ยักษ์ที่มีความยาวกว่าเจ้าอื่นถึง 1,900 มิลลิเมตร ในรุ่น Giant Cab แถมยังสามารถบรรทุกได้มากยิ่งขึ้นในรุ่น Double Cab และที่ขาดไม่ได้สำหรับค่ายนี้คือ ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่จัดเต็มให้เช่นกัน

ทีมงาน BENEWSONLINE ได้มีโอกาสทดสอบความแกร่งของ NEW MG EXTENDER บนเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ หลังจากเดินทางถึง MG Dealer เชียงใหม่ กันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ต้องทำความรู้จักกับ NEW MG EXTENDER กันก่อน โดยรุ่นที่ทดลองขับเป็นแบบ 4 ประตู (Double Cab) รุ่นท็อป MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ราคา 1,029,000 บาท เรื่องสมรรถนะของเจ้ากระบะพันธุ์ยักษ์คันนี้ยังไม่ต้องพูดถึง แต่รูปร่างหน้าตานี่สิหล่อเหลาเอาการและเท่อยู่ไม่ใช่น้อยเชียวละ

NEW MG EXTENDER กระจังหน้าดีไซน์โมเดิร์นเอกลักษณ์เฉพาะของ MG ไฟหน้าแบบ LED Projector มีระบบเปิด-ปิดและปรับเลี้ยวตามองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ มาพร้อมไฟ Daytime Running Lights ไฟท้ายดีไซน์สปอร์ต ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว กระจกมองข้างพับและปรับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว

ดีไซน์ภายในสปอร์ตหรู เพิ่มพื้นที่ในการใช้สอยมากขึ้น แผงหน้าปัดดีไซน์สปอร์ต ที่โดดเด่นคือ MG ให้เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า ทั้งในส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ปรับได้ 6 ทิศทาง และปรับเอนได้ถึง 150 องศา เบาะหลังพับได้ และยังมีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลังด้วย

หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว เชื่อมต่อบลูทูธ วิทยุ MP3 AUX พร้อมช่องต่อ USB 2 ช่อง (อันนี้ชอบมาก ไม่ต้องแย่งกัน) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมทั้งเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางโทรศัพท์ กุญแจระบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start

 

ครั้งแรกของโลกกับสมาร์ทปิคอัพ ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART

NEW MG EXTENDER มาพร้อมระบบปฏิบัติการ i–SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถเชื่อมต่อกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การสั่งการ หรือ SMART Command ผ่านระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ที่สามารถสั่งการให้โทรออก เปิด-ปิดหรือควบคุมระบบปรับอากาศ หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดสนใจ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหรือสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือเลือกสั่งการบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application การเชื่อมต่อ หรือ SMART Connect ที่สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ค้นหาร้านอาหารและที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ดังได้บนหน้าจอในรถ และการตรวจเช็กรถ หรือ SMART Check โดยสามารถสั่งล็อกหรือปลดล็อกประตู ตรวจสอบตำแหน่งและค้นหารถ แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ

NEW MG EXTENDER มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 2.0 ลิตร เทอร์โบ 161 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง 3 โหมด คือ โหมดมาตรฐาน (NORMAL) โหมดประหยัดน้ำมัน (ECO) และโหมดสพหรับการขับขี่ที่ต้องการกำลังสูง (POWER) โดยในรุ่น Double Cab มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L ที่มีระบบล็อกเฟืองท้าย ช่วยเพิ่มความสามารถในการลุยเส้นทางออฟโรด

NEW MG EXTENDER มาพร้อมโครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-high Strength Body ด้วยโครงสร้างที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B และโครงสร้างโดยรวมใช้เหล็กแบบ High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และเสริมความมั่นคงในการขับขี่ พร้อมรับทุกสภาพการใช้งาน โดยผ่านการทดสอบการชนของ ANCAP ระดับ 5 ดาว และปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ และระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ที่ทำงานประสานเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย

    • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System)
    • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
    • ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
    • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
    • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
    • ระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
    • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
    • ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System)
    • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)

นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ รวมถึงกล้องมองภาพ รอบทิศทาง สัญญาณเตือนกะระยะด้านหลังและด้านหน้า และกล้องมองหลังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่

หลังจากรับฟังข้อมูลผลิตภัณฑ์และข้อมูลในการทดสอบรวมถึงเส้นทางกันเป็นที่เรียบร้อย เราก็ออกเดินทางไปยังขุนช่างเคี่ยนเพื่อทดสอบสมรรถนะของรถในเส้นทางออฟโรดบนยอดเขาที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย ลุยกันลงมาถึงห้วยตึงเฒ่า ใช้ระยะเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงบนเส้นทางออฟโรดซึ่ง EXTENDER ทำได้ค่อนข้างดี ทดลองเปลี่ยนเกียร์ในการขึ้น – ลงเขา ก็นุ่มนวลไม่มีอาการสะดุด แรงส่ง การทรงตัวเข้าโค้งดี ถึงแม้บางช่วงของการขึ้นเขาจะมีการเร่งแซงบ้าง ก็ให้กำลังการเร่งที่ดี ถึงจะเป็นกระบะพันธุ์ยักษ์ แต่ในช่วงของการหลบหลีกรถคันอื่นบนยอดเขาในที่แคบก็ไม่เป็นปัญหา เพราะ EXTENDER มาพร้อมระบบความปลอดภัยด้วยกล้องมองรอบทิศทาง

ที่สำคัญคือช่วงล่างถือว่าดีพอสมควร สามารถลุยได้แม้ในเส้นทางออฟโรด ผ่านอุปสรรคที่มีทั้งหินใหญ่ ลูกรัง ทางแคบได้ด้วยช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION ระบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระปีกนกคู่ (Double Wishbone) ด้านหลังแหนบแบบซ้อนแผ่น (Leaf Spring Suspension) ทำงานควบคู่กับช่วงล่างแบบ BRIT Dynamic ซึ่งให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ ในขณะที่การทำความเร็วประมาณ 130-140 กิโลเมตรในทางเรียบ ก็ทำได้ดีเช่นกัน

ต้องบอกก่อนว่า รุ่น DOUBLE CAB ที่เราทดสอบนั้น เป็นรถกระบะที่ออกแบบมาสำหรับการโดยสารเป็นหลัก ภายในห้องโดยสารจึงค่อนข้างกว้าง กระบะท้ายสำหรับการบรรทุกจึงเหลือพื้นที่น้อยลง แต่ถ้าเน้นการใช้งานบรรทุกของขอแนะนำว่าให้เลือกรุ่น Giant Cab ที่มีความยาวกว่าเจ้าอื่นถึง 1,900 มิลลิเมตร

ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณแล้วละ ว่าต้องการรถใช้งานแบบไหนเป็นหลัก แต่ถ้าดูองค์รวมแล้ว รถกระบะที่จัดเต็มในเรื่องของสมรรถนะ รูปลักษณ์ และเทคโนโลยีขนาดนี้ มันก็ตัดสินใจยากอยู่เหมือนกันนะ ….

By… B.Varaporn

 

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *