5 เหตุผลโดนใจ ทำไมต้องมางานวิ่ง Trail for Heroes
กระแสวิ่งเทรล (Trail Running) กำลังมาแรงไม่หยุดในกลุ่มนักวิ่ง โดยการวิ่งเทรลเป็นการวิ่งบนเส้นทางขรุขระลาดชัน มีความท้าทายตลอดเส้นทาง ต้องอาศัยการฝึกซ้อมและเตรียมพร้อมก่อนวิ่งอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายที่น่าตื่นเต้นของนักวิ่งหน้าใหม่และนักวิ่งที่เคยผ่านการวิ่งในเมืองมาแล้วหลาย ๆ คน ซึ่งในการเลือกงานวิ่งแต่ละครั้ง นักวิ่งควรพิจารณาความพร้อมของงานวิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดการงานวิ่ง ความปลอดภัย และเส้นทางการวิ่ง รวมถึงประโยชน์จากการวิ่งที่สามารถส่งต่อไปถึงผู้อื่นได้
จะเห็นได้ว่ามีหลายองค์กรได้จัดงานวิ่งเทรลเพื่อช่วยเหลือสังคม ซึ่ง “มูลนิธิเอสซีจี” ก็เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่จัดกิจกรรม “Trail for Heroes วิ่งเทรลเพื่อผู้พิทักษ์ป่า” ภายใต้โครงการ “HANDS FOR HEROES รวมมือเรา เพื่อคนเฝ้าป่า” ปีที่ 2 เพื่อช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่าที่ออกลาดตระเวนดูแลผืนป่า พร้อมสร้างขวัญกำลังใจให้พวกเขาปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ต้อง ‘ห่วงหน้า พะวงหลัง’ โดยงานวิ่งเทรลครั้งนี้จะจัดขึ้นที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา จ.สระแก้ว ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งการจัดกิจกรรมครั้งนี้มูลนิธิฯ จะนำรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายไปซื้ออุปกรณ์ลาดตระเวนให้แก่ผู้พิทักษ์ป่าทั่วประเทศ และสำหรับนักวิ่งทุกคนที่กำลังสนใจงานวิ่งเทรล โดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่ที่อยากลงสนามเทรลเป็นครั้งแรก นี่คือ 5 เหตุผลดี ๆ ที่จะบอกได้ว่า ทำไมจึงต้องมางานวิ่ง “Trail for Heroes”
- 1.วิ่งแล้วอิ่มใจ ได้ให้และแบ่งปัน
นอกจากนักวิ่งจะได้สุขภาพที่ดีในการวิ่งแล้ว การวิ่งเทรลครั้งนี้ยังได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมอีกด้วย เพราะรายได้ทั้งหมดจากการจัดกิจกรรมจะนำไปซื้ออุปกรณ์ลาดตระเวนให้ผู้พิทักษ์ป่าทั่วประเทศ อาทิ ชุดเครื่องแบบลายพรางและเป้เดินป่า เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้พิทักษ์ป่าได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้อง “ห่วงหน้า พะวงหลัง” อีกต่อไป
- เส้นทางวิ่งปลอดภัย เหมาะกับนักวิ่งเทรลมือใหม่และผู้มีประสบการณ์
หลาย ๆ ครั้งที่นักวิ่งมือใหม่จะมีความกลัวกับการวิ่งเทรล เพราะเส้นทางการวิ่งแตกต่างจากการวิ่งในเมือง โดยการวิ่งเทรลจะวิ่งบนพื้นดิน มีความลาดชัน ไม่ใช่ทางเรียบ แต่สำหรับ 3 เส้นทางการวิ่งภายในอุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นเส้นทางที่มีความลาดชันน้อย เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่ที่อยากลองวิ่งเทรลและนักวิ่งที่มีประสบการณ์ก็สามารถเข้าร่วมกิจกรรมนี้ได้ โดยแบ่งเป็น 5 KM. (Scout) มีระดับความลาดชันสูงสุดอยู่ที่ 139 เมตร, 11.5 KM. (Mini Ranger) มีระดับความลาดชันสูงสุดอยู่ที่ 335 เมตร และ 21 KM. (Ranger) มีระดับความลาดชันสูงสุดอยู่ที่ 498 เมตร แต่ถึงอย่างไรนักวิ่งทุกคนก็ควรฝึกซ้อมร่างกายให้พร้อมก่อนออกวิ่งกันด้วย
- วิ่งสบายใจ ไม่ห่วงเรื่องสุขภาพ
สุขภาพปลอดภัย ไว้ใจเราได้ เพราะภายในงานวิ่งเทรลจะมีทีมมาร์แซล และรถพยาบาลที่มีเครื่องมือครบครันคอยดูแลปฐมพยาบาล โดยทีมมาร์แชลแต่ละขบวนจะมีอุปกรณ์เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบพกพา (AED) พร้อมประสานงานกับเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับนักวิ่งทุกคนตลอดทั้ง 3 เส้นทางการวิ่ง แต่นักวิ่งทุกคนก็ควรดูแลสุขภาพตนเองมาให้พร้อม เพราะเมื่อสุขภาพแข็งแรงเต็มร้อย เราก็จะวิ่งจบในระยะทางที่เราตั้งใจไว้ ได้ความแข็งแรงและความภูมิใจกลับบ้านไปด้วย
- ได้ใกล้ชิดธรรมชาติตลอดเส้นทางการวิ่ง
ข้อดีของการวิ่งเทรลคือทำให้นักวิ่งได้สัมผัสใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รวบรวมความสวยงามไว้มากมาย โดยจะมีผีเสื้อมากกว่า 400 สายพันธุ์ให้เราได้ชมกัน พร้อมทั้งได้ชมความสวยงามของน้ำตกปางสีดาอย่างใกล้ชิด เป็นบรรยากาศการวิ่งที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องประทับใจ และนอกจากนักวิ่งทุกคนจะได้ใกล้ชิดธรรมชาติแล้ว ยังมีกิจกรรมอีกมาย อาทิ ขึ้นหอส่องสัตว์ , ยิง Seedball ให้นักวิ่งได้ร่วมสนุกกันอย่างเต็มที่ระหว่างเส้นทางการวิ่ง
- วิ่งรักษ์โลก มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม
งานวิ่ง Trail for Heroes ครั้งนี้ รณรงค์ให้ทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลโลกใบนี้ ด้วยการพกกระบอกน้ำส่วนตัวหรือเป้น้ำ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะ แทนการใช้แก้วที่ใช้แล้วทิ้ง โดยภายในงานได้มีการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมถึงตั้งจุดคัดแยกขยะรอบบริเวณงาน เพื่อนำไปรีไซเคิลและนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจก็จะไม่เหลือขยะทิ้งไว้ให้ทำร้ายสิ่งแวดล้อม