เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เติบโตก้าวกระโดด เตรียมรุกตลาดเต็มพิกัด
เมอร์เซเดส–เบนซ์ เผยเบื้องหลังความสำเร็จของการทำตลาดรถยนต์สมรรถนะสูง ‘เมอร์เซเดส–เอเอ็มจี’ ในประเทศไทย ตอกย้ำภาพผู้นำการเป็นผู้ผลิตรถสปอร์ตสายพันธุ์แรงระดับแถวหน้าของโลกที่มาพร้อมประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์ยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 300% หลังจากเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2560 ดึงกลยุทธ์ “Customer Centric” (คัสตอมเมอร์ เซ็นทริค) เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รุกขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครอบคลุมมากที่สุด และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของ เมอร์เซเดส–เอเอ็มจี ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษที่แบรนด์ เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์ รถสปอร์ตระดับแถวหน้าของโลกที่โดดเด่นทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ต และด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ โดยเมอร์เซเดส–เอเอ็มจี มีจุดเริ่มต้นมาจากความรัก และความหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ของ มร.ฮานส์ แวเนอร์ อาวฟเรชท์ (Hans-Werner Aufrecht) และ มร.แอร์ฮาร์ด เมลเชอร์ (Erhard Melcher) ในปี 1967 ทั้งสองได้ใช้โรงโม่แป้งเก่า ณ เมืองเบิร์กชตาร์ล (Burgstall) เป็นที่ตั้งของโรงปรับแต่งรถแห่งแรก พร้อมใช้ชื่อว่า “ศูนย์วิศวกรรม ออกแบบ และทดสอบเครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขัน – engineering office and design and testing centre for the development of racing engines” โดยตัวอักษร AMG นั้นมาจากคำว่า “อาวฟเรชท์ และเมลเชอร์ จากหมู่บ้านโกรซาชปาค – Aufrecht and Melcher, Großaspach” ซึ่งหมู่บ้านดังกล่าวนี้เป็นสถานที่เกิดของมร.อาวฟเรชท์
“ในปัจจุบันเมอร์เซเดส–เอเอ็มจี มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองอัฟฟาวเตอร์บาคประเทศเยอรมนี โดยถือเป็นบริษัทลูกของกลุ่มเดมเลอร์ เอจี และดำเนินงานโดยยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ ‘ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ –Driving Performance’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ต้องมีทั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความโฉบเฉี่ยว และเร้าอารมณ์ให้กับผู้ขับขี่ และสิ่งที่ทำให้แบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีมีความพิเศษและแตกต่างไม่เหมือนใคร คือการใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ “1 ช่างฝีมือ ต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – one man, one engine” กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ เมอร์เซเดส– เอเอ็มจีแต่ละคันจะผลิตด้วยมือและใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐานจึงทำให้เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีได้รับความนิยมจากทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยยอดขายที่สูงถึงหกหลักในปี 2560 และ 2561”
“แบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป หรือมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่34 ด้วยการเปิดตัว ‘GT R’ และ ‘GT C Convertible’ และหลังจากที่แบรนด์ได้เป็นที่รู้จักของสาวกรถยนต์สมรรถนะสูงในไทย ทางบริษัทฯ ได้ยึดกลยุทธ์“Customer Centric” (คัสตอมเมอร์ เซ็นทริค) ที่เน้นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในการทำการตลาดสำหรับแบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าชาวไทยมีความต้องการที่เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นบริษัทฯ จึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด”
“เมอร์เซเดส–เบนซ์ ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูง ด้วยการนำเสนอรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละรุ่นมีคาแรกเตอร์ และ ความโดดเด่นที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ทำตลาดรถยนต์ภายใต้แบรนด์ เมอร์เซเดส–เอเอ็มจี ทั้งหมด 19 รุ่น ครอบคลุมทั้งตระกูล 43, 45, 53, 63 และ GT และจากความนิยมในแบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่บริโภคชาวไทย ทำให้เดมเลอร์ เอจี เล็งเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงที่สำคัญแห่งหนึ่ง เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทย จึงได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ด้วยการเปิดตัวรถยนต์แบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจี รุ่น C 43 4MATIC Coupé รุ่นประกอบในประเทศเป็นครั้งแรกของเมืองไทย อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลกสำหรับการผลิตรถยนต์ Mercedes-AMG นอกเหนือจากที่ผลิตในโรงงานของเดมเลอร์เอจี โดยในปัจจุบันมีรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีเป็น รุ่นประกอบในประเทศถึง 5 รุ่นด้วยกัน ด้วยความหลากหลายให้กับผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน ส่งผลให้เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่ ชื่นชอบในสมรรถนะความเร้าใจของรถยนต์กลุ่มนี้ ด้วยอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากยอดขายในปีที่ 2561 ถึง309 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และยอดขายในหกเดือนที่ผ่านมาของ ปี2562 ยังเติบโตขึ้นกว่า 200% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมานอกจากนี้ ยอดขายในไตรมาสที่สองยังเติบโตขึ้นถึง 394% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมาอีกด้วย”
“นอกจากการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ บริษัทฯ ยังเดินหน้ามอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกมิติให้กับลูกค้าของเมอร์เซเดส–เอเอ็มจี พร้อมทั้งบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากขยายการให้บริการที่ครบวงจรมากขึ้น ด้วยการแต่งตั้งผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส–เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการตั้งแต่ต้นปี 2561 เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านบริการหลังการขายให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ โดยในปัจจุบันมีผู้จัดจำหน่ายเมอร์เซเดส–เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้งหมด 14 แห่งทั่วประเทศนอกจากนี้บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสานสัมพันธ์ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าของ เมอร์เซเดส–เอเอ็มจีทุกท่านผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่างๆ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรม“เอเอ็มจี ไดรฟ์วิ่ง อะคาเดมี” (AMG Driving Academy) การฝึกอบรมขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ลูกค้าเมอร์เซเดส–เอเอ็มจีได้สัมผัสประสบการณ์อันทรงพลังจากการขับขี่ยนตกรรมสมรรถนะสูง ด้วยการเสริมทักษะการขับขี่ โดยทีมผู้ฝึกสอนจากเมอร์เซเดส–เอเอ็มจีมาร่วมสอนเทคนิคและให้คำแนะนำต่างๆ ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์”
“แนวทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ 2562 เมอร์เซเดส–เบนซ์ ประเทศไทยยังคงมุ่งมั่นในการให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า และจะไม่หยุดยั้งที่จะนำเสนอประสบการณ์ที่มาพร้อมกับความตื่นเต้น และแปลกใหม่ในสไตล์ของเมอร์เซเดส–เอเอ็มจี เพื่อตอกย้ำภาพผู้นำใน การผลิตรถยนต์สปอร์ตระดับแถวหน้าของโลก โดยทางบริษัทฯ ได้เตรียมจัดกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟอีกมากมายสำหรับลูกค้าเมอร์เซเดส–เอเอ็มจีโดยเฉพาะเพื่อมอบเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”