ไขข้อข้องใจ “ฮอร์โมน” สัมพันธ์กับการเกิด “สิวอุดตัน” ได้อย่างไร??
ต้นเหตุของ “สิว” ที่บังเกิดบนใบหน้า ตามการวิจัยทางการแพทย์ และศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวหน้า ระบุว่า เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่เป็นตัวกระตุ้นให้ “สิว” มีสาเหตุมาจาก 2 ปัจจัย โดยปัจจัยแรกคือ ปัจจัยภายนอก ทั้งสภาพอากาศ มลพิษ ฝุ่นควัน รวมถึงการดูแลใบหน้าที่ไม่ดีพอ เช่น ล้างหน้าผิดวิธี จึงเหลือสิ่งสกปรกค้างไว้บนผิว โดยเฉพาะหากเกิดกับ “ผิวหน้า” แล้วด้วย แน่นอนว่า ไม่มีใครที่พึงประสงค์
ส่วนอีกปัจจัยรองลงมาที่กระตุ้นให้เกิดสิว คือ ปัจจัยภายใน ซึ่งมีหลายปัจจัย โดยปัจจัยภายในที่อยู่ในความสนใจมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ “ฮอร์โมน” ซึ่งฮอร์โมนสัมพันธ์กับการเกิดสิวได้อย่างไร ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.เอ.เดอร์มาเทค จำกัด ผู้นำด้านการผลิต วิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางและเวชสำอางที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 22716/ COSMETICS GMP ระดับสากล มีคำตอบในเรื่องนี้
“ตามการวิจัยทางการแพทย์ ฮอร์โมนที่เป็นต้นเหตุของสิวที่สำคัญคือ เทสโทสเทอโรน (Testosterone) แม้ตามทางการแพทย์ฮอร์โมนตัวนี้ เรียกว่า ฮอร์โมนเพศชาย แต่ไม่ว่าชาย หรือ หญิง ล้วนมีฮอร์โมนนี้อยู่ในร่างกาย และยิ่งช่วงวัยรุ่นฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนจะเพิ่มสูงขึ้นทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เพราะเป็นเคมีธรรมชาติที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ทั้งสัญลักษณ์เพศชาย และสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกในเด็กผู้หญิง ทำให้วัยแรกรุ่นจึงพบการเกิดสิว ที่เป็นปัญหาผิวมากกว่าคนวัยอื่น” ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ กล่าว
ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปัญหาสิว บริษัทแอล.เอ.เดอร์ มาเทค จำกัด กล่าวด้วยว่า เมื่อระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเพิ่มสูงขึ้น จะสัมพันธ์กับการสร้างต่อมไขมันให้เติบโต รวมถึงกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น จึงทำให้เกิดน้ำมันส่วนเกินที่เป็นหนึ่งในสาเหตุให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะบนใบหน้าเนื่องจากมีต่อมไขมันมากกว่าผิวส่วนอื่น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลความสะอาดของใบหน้าอย่างถูกวิธีเพื่อลดปัญหาสิว เพราะในแต่ละวันใบหน้าคือ ปราการด่านแรกที่ต้องเผชิญกับมลภาวะในแวดล้อมรอบตัว
เมื่อน้ำมันบนใบหน้าที่ขับออกมามากผสมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว สะสมอยู่ภายในรูขุมขน กลายเป็น “สิวอุดตัน”ชนิดหัวปิด หรือเรียกว่า “สิวหัวขาว” หรืออาจเป็น ชนิดหัวเปิด หรือเรียกว่า “สิวหัวดำ ที่มีส่วนที่มีสีดำที่เกิดจากปฏิกิริยาของไขมันกับออกซิเจน สิวดังกล่าวอาจยังมีขนาดเล็ก ๆ ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด จนกระทั่งมีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาเกี่ยวข้องจนกลายเป็นหนอง เนื่องจากเกิดการอักเสบของรูขุมขน และกลายเป็น “สิวอักเสบ” และกลายเป็น “สิวหัวหนอง” ได้ในที่สุด แต่ลักษณะที่อธิบายไปไม่เฉพาะวัยรุ่นเท่านั้นที่จะเจอปัญหานี้ เพราะทุกช่วงวัยที่ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนอยู่ในปริมาณสูง สิวย่อมเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะช่วงที่มีภาวะเครียด ผู้หญิงมีรอบเดือน แต่ปัญหาสิวจะบรรเทาลงได้หากรักษาความสะอาดของผิวหน้าที่ถูกวิธี และมีการดูแลผิวหน้าที่ถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปัญหาสิว บริษัทแอล.เอ.เดอร์ มาเทค จำกัด กล่าว
สำหรับวิธีแก้ไขปัญหาสิวที่วัยรุ่นมักกังวลอย่างมาก เนื่องจากเม็ดสิวบนใบหน้าจะกลายเป็นปมด้อยแล้ว หากรักษาไม่ดี หรือไม่ทันการ ย่อมอาจกลายเป็นรอยแผลเป็น หรือจุดด่างดำบนใบหน้าได้ ดังนั้น ดร.ภญ. จิรวรรณ โอพรสวัสดิ์ จึงมีข้อแนะนำสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องสิว คือ การดูแลผิวหน้าให้ถูกต้อง ผ่านการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ทำให้ใบหน้าแห้งตึง เนื่องจากจะไปเร่งให้ชั้นต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวมากจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมันมาก เนื่องจากปัญหาสิวอุดตันมาจากปริมาณน้ำมันในชั้นผิวหนังที่มีมากจนเกินไป ดังนั้นควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าหรือเครื่องสำอางที่ช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าโดยสังเกตสัญลักษณ์ที่ระบุบนฉลากว่า Non comedogenic เพื่อเป็นการรับรองว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
ควรใช้เวชสำอางดูแลปัญหาสิวที่มีสารสกัดจากธรรมชาติเพื่อช่วยเสริมสร้างให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรง เพื่อช่วยลดการสะสมของสารเคมีอันตรายบนใบหน้า
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคดี ๆ ที่ไว้ทำควบคู่การดูแลผิวเป็นสิว ซึ่ง ดร.จิรวรรณ บอกเคล็ดลับนี้ว่า การดูแลตัวเอง ทั้งออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีอาหารที่สามารถรักษาสมดุลของฮอร์โมนได้ดี อยู่ในถั่วเหลืองและพืชตระกูลถั่ว หากทานควบคู่กันกับการรักษาอย่างถูกวิธี เชื่อว่าใบหน้างามๆ จะห่างไกลคำว่าสิว หรือใครที่เครียดกับปัญหาสิวบนใบหน้าลองรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อบำรุงผิวหน้า รับรองว่า หน้าที่เป็นสิวจะกลับมาดูเรียบเนียน และสดใสในเร็ววันแน่นอน