คาราวานท่องเที่ยว “เส้นทางมรดกแห่งสยาม กรุงเทพฯ-สระบุรี”
BY : นายตะวัน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง นำโดย คุณไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง และคุณชัยวิทย์ เผื่อนอุดม หัวหน้างานภาคกลาง 1 ร่วมปล่อยตัวคาราวานท่องเที่ยว “เส้นทางมรดกแห่งสยาม กรุงเทพฯ-สระบุรี” เมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ.เพชรบุรี
ความสนุกสนานเริ่มต้นที่ อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นจุดนัดพบและจุดสตาร์ทคาราวานการท่องเที่ยวในครั้งนี้ หลังจากฟังรายละเอียดการเดินทางกันเป็นที่เรียบร้อยคุณไพรัชช์ ทุมเสน ได้ทำการตีธงปล่อยตัวสมาชิกออกจากจุดสตาร์ทเพื่อเดินทางไปตามถนนมิตรภาพมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแรกคือ “วัดสมุหประดิษฐาราม”
“วัดสมุหประดิษฐาราม” เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเจ้าพระยานิกรบดินทร์ มหินทรมหากัลยาณมิตร (โต) ต้นตระกูลกัลยาณมิตร สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 4 และครั้งหนึ่งวัดแห่งนี้ เคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในจังหวัดสระบุรี ภายในวัดมีสิ่งน่าสนใจอยู่หลายอย่างที่ไม่ควรพลาดชม ได้แก่ พระประธานซึ่งเป็นพระหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย อัญเชิญมาจากเมืองเก่าสุโขทัยและมีพระอัครสาวกหล่อลงรักปิดทอง 2 องค์นั่งพับเพียบพนมมืออยู่เบื้องซ้ายและขวา, ธรรมาสน์ลายทอง มีอักษรพระปรมาภิไธยย่อ จปร. และพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์ในรัชกาลที่ 5, พระเจดีย์ทรง 8 เหลี่ยม สูงประมาณ 7 วาเศษ มีบันได 4 ด้าน, พระอุโบสถจีนผสมไทย, ตุ๊กตาจีนคู่ ทำจากหินเขียวแกะสลัก สูง 1.16 เมตร มีมาในยุคเดียวกับการสร้างวัด
หลังจากเที่ยวชมและเล่นเกมส์เก็บคะแนนกันอย่างขะมักเขม้นแล้ว สมาชิกก็ออกเดินทางไปยัง “วัดเขาแก้ววรวิหาร” ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมาก เมื่อเลี้ยวเข้าไปยังบริเวณหน้าวัด จะมองเห็นองค์เจดีย์สีขาวที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตั้งตระหง่านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเขา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯรัชกาลที่ 4 ในคราวเสด็จประพาสหัวเมือง เนื่องจากมีบรรยากาศเงียบสงบ สวยงาม รวมทั้งโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดเขาแก้ว และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง
การขึ้นชมความงามขององค์เจดีย์นั้น สามารถเดินขึ้นบันไดไปยังด้านบนเพื่อชมความงดงามโดยรอบได้ ซึ่งบันไดทางขึ้นจะเป็นนาคหันเศียรกลับ ราวบันไดคือลำตัวนาคประดับกระจกสีสวยงาม มีสิงห์ยืนอยู่เหนือซุ้มประตู และทวารบาลเป็นรูปทหารแต่งเครื่องแบบอย่างตะวันตก เมื่อขึ้นมาถึงจะพบกับเจดีย์ ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุของพระสาวก ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง สูงราว 34 เมตร เหนือขึ้นไปที่บัลลังก์เป็นบัวกลุ่ม รอบองค์เจดีย์ทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปหินปางต่าง ๆ ในอดีตจะมีทั้งสีดำ สีขาว และสีเขียว หากปัจจุบันทำเป็นสีเหลืองทอง มีเพียง 1 องค์ที่ยังคงเป็นสีดำ ต่ำลงมามีเจดีย์บริวารล้อมรอบทั้งสี่ทิศ
อีกทั้งระหว่างเจดีย์องค์ใหญ่และหอระฆังมี เจดีย์ปรางค์ห้ายอดองค์เล็ก ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองและพระพุทธรูปทรงเครื่อง ด้านทิศตะวันออกประดิษฐาน พระพุทธรูปปางป่าเลไลย์และด้านทิศตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปปางห้ามญาติ หากจิตรกรรมฝาหนังมีเหลืออยู่เพียงบนหน้าจั่ว นับเป็นอีกองค์เจดีย์ที่มีความสำคัญ อีกองค์หนึ่งของจังหวัดสระบุรี
ไหว้พระสักการะสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองรองกันแล้ว ก็ถึงเวลาของนักชอป นักชิมทั้งหลาย กับ “ตลาดหัวปลี” ตลาดเก่าของสระบุรี ตลาดสไตล์บ้าน ๆ ท่ามกลางสวนกล้วยและสวนไผ่อันร่มรื่น ตั้งอยู่ด้านในศูนย์ โอท๊อป คอมเพล็กซ์ พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ซึ่งนอกจากเป็นที่ตั้งของตลาดแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดแวะซื้อของฝากจากสระบุรี อีกทั้งยังเป็นสถาบันส่งเสริมความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสวนสมุนไพรอีกด้วย อีกหนึ่งที่เที่ยวตลาดน่าเดิน มีของกินทั้งของพื้นถิ่นและอาหารทานง่ายมากมาย ของใช้ต่าง ๆที่เป็นผลิตภัณฑ์โอท๊อป
อิ่มท้องแล้วก็ถึงเวลาออกหาอาร์ซีกันอย่างสนุกสนานก่อนจะเดินทางเข้าสู่ที่พัก “โรงแรม ศุภาลัยป่าสัก รีสอร์ท แอนด์สปา” จ.สระบุรี เพื่อพบกับงานเลี้ยงช่วงกลางคืน ที่นอกจากจะสนุกสนานกับเกมส์ต่าง ๆ แล้ว ยังขนของรางวัลกลับบ้านกันอย่างจุใจ สร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานเป็นอย่างมาก
เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้แวะไปที่ “ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล” ตลาดชุมชนอีกหนึ่งแห่งที่มีทั้งของถูก และอาหารพื้นเมืองที่หาทานยาก วางจำหน่ายอยู่ทั่วตลาด ที่นี่ถูกยกให้เป็นตลาดต้องชม ซึ่งนอกจากจะมีการจำหน่ายอาหาร แล้วยังมีสินค้าต่าง ๆ ของชาวบ้านในพื้นที่ อาทิ ผ้าทอไทยวน รวมถึงการแสดงฟ้อนล้านนาให้ชมกันอีกด้วย