BRK Group เดินหน้าขยายฟลีทรถบรรทุกรับอานิสงส์นโยบายไบโอดีเซล B100
BRK Group เดินหน้าขยายงานในปีนี้ โดยสั่งซื้อรถหัวลากยูดี เควสเตอร์ 15 คันเพื่อรองรับงานขนส่งน้ำมันปาล์ม ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากการนโยบายสนับสนุนของกระทรวงพลังงานในการเพิ่มปริมาณการใช้ไบโอดีเซล B100 เพื่อนำมาผสมในน้ำมันดีเซล ได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B3, B5, B7 จนถึง B10 และ B20 ในปัจจุบัน
นายชูโชติ มั่นคง ประธานกรรมการ BRK Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงชั้นนำ เปิดเผยว่าด้วยนโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้น โดยกำหนดให้ส่วนผสมน้ำมันปาล์มในน้ำมันดีเซลปรับขึ้นเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เป็นผลให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์ม B100 เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มบริษัทจึงได้รับสัญญางานขนส่งน้ำมันปาล์ม B100 เพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งจะดำเนินการโดยบริษัท มั่นคง บี อาร์ เค กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยใน BRK Group
“ทุกวันนี้ เรามีความต้องการจากลูกค้าผู้ผลิตน้ำมันปาล์มเพิ่มสูงขึ้นมาก เราจึงจำเป็นที่จะต้องเร่งเพิ่มจำนวน รถของเราในฟลีทให้สอดคล้องกับปริมาณงานที่ขยายตัว ซึ่งเราให้ความสำคัญกับลูกค้าในเรื่องของความพึงพอใจในบริการเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราจึงไม่ลังเลที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถดำเนินงานขนส่งให้สำเร็จตามเป้าหมาย สมกับที่ลูกค้าเรามอบความไว้วางใจให้กับเรา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าไว้ว่าจะเพิ่มรถบรรทุกเพื่อให้บริการขนส่งน้ำมันปาล์ม และน้ำมันเชื้อเพลิงอีกไม่ต่ำกว่า 45 คัน ซึ่งยูดี เควสเตอร์ ฟลีทใหญ่ที่สั่งซื้อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการลงทุนตามแผนการขยายงาน ทั้งนี้เพราะมั่นใจในคุณภาพของรถบรรทุกที่ผลิตภายใต้การดำเนินงานของวอลโว่ กรุ๊ป และวางใจในเครือข่ายบริการหลังการขายที่มีทั่วประเทศ” นายชูโชติ กล่าว
BRK Group เป็นกลุ่มธุรกิจที่เริ่มต้นจากสถานีปั๊มน้ำมันขนาดเล็กในชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2532 และเมื่อต้องประสบปัญหาการขนส่งน้ำมันป้อนให้กับลูกค้าในชุมชนที่ต้องอาศัยบริษัทขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในขณะนั้น จึงทำให้ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง โดยเริ่มต้นด้วยการลงทุนซื้อรถบรรทุกน้ำมัน 2 คัน เพื่อแก้ปัญหาด้านการขนส่งน้ำมันป้อนให้กับสถานีปั๊มน้ำมันของครอบครัว
จากจุดเริ่มต้นรถบรรทุกน้ำมันเพียง 2 คัน นายชูโชติได้เล็งเห็นความต้องการในงานบริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่น่าจะมีศักยภาพเติบโตได้อีกมากในขณะนั้น จึงได้ขยายจำนวนรถขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ BRK Group มีรถบรรทุกน้ำมันปาล์มและน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่า 300 คันและให้บริการขนส่งน้ำมันทั่วประเทศ
นายชูโชติ กล่าวว่า “กลุ่มบริษัทเราเอง ก็มีสถานีปั๊มน้ำมันให้เช่าอีก 5 แห่ง ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่ให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีปั๊มน้ำมันเหล่านี้และที่อื่น ๆ อีกทั่วประเทศ นอกจากการเติบโตของธุรกิจน้ำมันปาล๋ม เรายังมั่นใจว่าธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปริมาณรถที่ใช้น้ำมันที่มาจากฟอสซิล จะยังคงมีใช้ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปี
อย่างไรก็ตาม เราเองก็เตรียมพร้อมกับการเปลี่ยนเปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มจำนวนขึ้น เราก็จะต้องมีการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจของเราตามการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน”
โดยในปีนี้ BRK Group จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 60 ล้านบาทในโครงการสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ที่อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในเดือนสิงหาคมนี้ และยังมีโครงการขยายสถานีน้ำมันแบรนด์อิสระอีกมูลค่ากว่า 20 ล้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปีนี้เช่นกัน
สำหรับผลประกอบการเมื่อปีที่แล้ว BRK Group มีรายได้ทั้งกลุ่มหดตัวลงประมาณ 5% ซึ่งมีสาเหตุมาจากกำลังซื้อในประเทศยังไม่กระเตื้อง ส่งผลต่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง โดยมียอดรายได้รวมประมาณ 500 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยอานิสงส์จากนโยบายไบโอดีเซล B100 และหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ผ่านไปได้อย่างราบรื่น คาดว่ากำลังซื้อจะกลับสู่ภาวะปกติ และจะกระตุ้นให้ยอดรายได้ของกลุ่มในปีนี้เติบโตขึ้นอย่างแน่นอน