web analytics

ติดต่อเรา

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ประกาศกลยุทธ์ปี 62 ส่งเครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์ลงสนาม

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ประกาศกลยุทธ์ปี 62 ส่งเครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์ลงสนาม เปิดเกมรุกรักษาแชมป์ตลาดอินเวอร์เตอร์ พร้อมตอกย้ำผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้านความเย็นอันดับ 1 เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรและสังคม สู่เป้าหมายอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์ SDGs 

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา เปิดแผนธุรกิจปี 2562 เดินหน้าตอกย้ำผู้นำตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าด้านความเย็นอันดับ 1 “The Cooling Master” พร้อมส่งเครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่เติมเต็มครบทุกไลน์อัพ ครองผู้นำตลาด “GR Series” สุดยอดนวัตกรรมระดับพรีเมี่ยม และ “Happy Inverter” คุ้มค่าในราคาประหยัด พร้อมมุ่งขับเคลื่อนองค์กรและสังคมด้วยกลยุทธ์ SDGs สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างการรับรู้แบรนด์ต่อเนื่องด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ผ่าน โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 5 ตั้งเป้ายอดขายโตมากกว่า 10% หรือ มากกว่า 15,500 ล้านบาท 

นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด ประกาศกลยุทธ์พร้อมแผนธุรกิจในปี 2562 เพื่อการขับเคลื่อนองค์กรครั้งสำคัญวันนี้ว่า “บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเสริมกลยุทธ์สร้างความเติบโตในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเป็นหลัก ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศศูนย์กลางของเอเชีย

มีแนวโน้มอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 นี้ บริษัทฯ พร้อมขับเคลื่อนองค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อมสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน “SDGs หรือ Sustainable Development Goals” ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากความเสมอภาคและความยั่งยืนจากภายในบริษัทฯ จากพนักงานไปสู่ผู้บริโภคชาวไทย พร้อมการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ความปลอดภัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญาดำเนินธุรกิจ “Changes for the Better” หรือ “การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า”

บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) กำลังก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 100 ปีแห่งการประกอบการในปี 2563 เรามุ่งมั่นเสมอมาในการประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งสู่ความสำเร็จของการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ ให้บรรลุยอดขายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านเยน ในปี 2563

ด้านเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวของจีดีพีสูงถึง 4.2 % จากปัจจัยสนับสนุนการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ รวมถึงการบริโภคในภาคเอกชน ส่งผลให้ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ที่ดี และเนื่องด้วยสภาพอากาศที่ไม่ค่อยร้อนและมีฝนตกชุกในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการในอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศโดยรวมในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับปี 2560 และในครึ่งปีหลังความต้องการในอุตสาหกรรมมีเพิ่มขึ้นส่งผลให้ยอดรวมยังคงเติบโต 100% เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีงบประมาณ 2561 ของบริษัทฯ ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า 14,000 ล้านบาท  ด้านการแข่งขันทางการตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ปัจจุบันมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ในปีนี้บริษัทจึงขยายฐานไปยังกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายมากขึ้น โดยเปิดตัวเครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์ด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านอันดับ 1 และแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอันดับ 1 ของตลาดในประเทศไว้ต่อไป  พร้อมตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสร้างความสุขอย่างยั่งยืนให้กับสังคมไทยในทุกครัวเรือน ซึ่งในปี 2562 นี้ คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะฟื้นตัวดีขึ้น บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายยอดขาย โดยรวมเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อน มากกว่า 10 %”

ด้านกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัทยังคงให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ ยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ “ปั่น Slow Life Amazing Thailand Go local” ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อมและสัมผัสวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์แต่ละท้องถิ่นใน 5 ภาค 5 จังหวัด เชิญชวนคนไทยท่องเที่ยวแบบยั่งยืน พร้อมร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม มุ่งเสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพชีวิต สังคม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนสอดคล้องกับ SDGs”

นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจ เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้วคือ “การบริการหลังการขาย” ซึ่งเป็นประเด็นที่บริษัทให้ความสำคัญตลอดมา การบริการหลังการขายที่ดีต้องบริการด้วยความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและคงอยู่กับเราตลอดไป บริษัทจึงมุ่งพัฒนาศักยภาพศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั่วประเทศกว่า 143 สาขา โดยการฝึกอบรมเพิ่มทักษะทางด้านเทคนิค รวมถึงบุคลิกภาพ กฎระเบียบและมารยาท ซึ่งเป็นกลยุทธ์ด้านการบริการที่จะทำให้เห็นถึงความแตกต่างจากคู่แข่งขันอย่างชัดเจน รวมถึงรักษาคุณภาพและพัฒนาการบริการหลังการขายให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าในระยะยาว”

ปัจจุบันหากมองเฉพาะเจาะจงถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของผู้บริโภค เรื่องของ “คุณภาพ” และ “การบริการหลังการขาย” ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งผู้บริโภคยุค 4.0 ต้องการข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าต่าง ๆ โดยให้ความสำคัญกับรายละเอียดข้อมูลของสินค้ามากขึ้น รวมถึงการบริการหลังการขายที่ดี บริษัทฯ จึงพัฒนาเพิ่มช่องทางการเรียนรู้ที่รวบรวมข้อมูลทางเทคโนโลยีผ่านสื่อออนไลน์และโมบายแอพพลิเคชั่น “MEAC” (Mitsubishi Electric Air Conditioner Technician Application) รวมถึงรูปแบบของ E-Learning โดยจัดทำเป็นคลิปวีดีโอข้อมูลด้านเทคนิคเพื่อให้ความรู้สำหรับช่างในระดับต่างๆ ตลอด 24 ชม. เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ สร้างประสบการณ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่าย ช่างเทคนิค และผู้บริโภค

เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าการเข้ามาของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเปลี่ยนไป การทำความเข้าใจและปรับตัวถือเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยปีนี้บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในทุกการติดต่อของลูกค้า “ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าคอลเซ็นเตอร์” จึงได้จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการด้านข้อมูล โดยล่าสุดได้เปลี่ยนหมายเลขติดต่อใหม่เป็น “Hotline Service 1325” เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 07.30 – 24.00 น. ในวันธรรมดา และตั้งแต่ 08.00 – 22.00 น. ในวันหยุดและวันนักขัตฤกษ์ เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าขยายสาขาของศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค เพิ่มขึ้นอีก 12 แห่ง รวมเป็น 155 แห่งทั่วประเทศ รวมไปถึงศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ “สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ”  ซึ่งปัจจุบันมีรองรับการบริการกว่า 4 สาขา ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และอุดรธานี 

นายทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด  เปิดเผยว่า “ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ความต้องการเครื่องปรับอากาศประหยัดพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มูลค่ารวมของตลาดอินเวอร์เตอร์เพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้บริโภคยุคใหม่เข้าใจดีว่าการใช้เครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ช่วยประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว จึงทำให้ตลาดในกลุ่มของอินเวอร์เตอร์มีการแข่งขันกันมากขึ้น  ซึ่งในปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ JP SERIES เข้าสู่ตลาด เป็นการเพิ่มไลน์อัพในกลุ่มของอินเวอร์เตอร์ให้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการรวมของบริษัทบรรลุเป้าหมาย โดยมียอดขายรวมทั้งในกลุ่มเครื่องปรับอากาศเพื่อที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ เติบโตมากกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายเครื่องปรับอากาศในปีงบประมาณ 2560”

ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขายโดยรวมทุกผลิตภัณฑ์ในปีงบประมาณ 2562 ไว้ที่ 15,500 ล้านบาท โดยให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ SDGs เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ความปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  รวมถึงการขยายตลาดแบบยั่งยืน โดยเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มศักยภาพให้ตัวแทนจำหน่าย รวมถึงในพื้นที่ที่เป็นเขตเศรษฐกิจใหม่อีกด้วย โดยในปี 2562 บริษัทยังคงมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สร้างการรับรู้แบรนด์และภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ทันสมัย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้านทั้งกลุ่มน็อนอินเวอร์เตอร์และกลุ่มอินเวอร์เตอร์ที่มียอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *