DITP พร้อมลุยและสานต่อเนื่องโครงการ SMEs Pro-active
“บรรจงจิตต์” รับลูก รมว.พาณิชย์ สั่งลุยโครงการ SMEs Pro-active เปิดรับสมัคร SMEs และTech Startup ยื่นขอรับการสนับสนุน เพื่อสร้างโอกาสในการโกอินเตอร์ ยันพร้อมช่วยเหลือให้คำแนะนาเต็มที่ ระบุโครงการระยะที่ 3 ได้ปรับเงื่อนไขให้ง่ายขึ้นและครอบคลุมรายย่อยและผู้ประกอบการในต่างจังหวัด มากขึ้น มั่นใจสร้างโอกาสส่งออกได้เพิ่มขึ้นแน่ หลัง 2 โครงการที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มยอดส่งออกให้ SMEs แล้ว กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่ากรมฯ มีแผน ที่จะเร่งรัดการจัดทำโครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ( SMEs Pro-active) ระยะที่ 3 (ปี 2562-64) ตามนโยบายนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มีนโยบายในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผู้ประกอบการรายใหม่ในธุรกิจ Tech Startup และให้ลงลึกไปถึงผู้ประกอบการในส่วนภูมิภาค ได้มีโอกาสในการส่งออกและออกไปทำธุรกิจในตลาดต่างประเทศ
“ตอนนี้โครงการ SMEs Pro-active เริ่มแล้ว ผู้ประกอบการรายใดที่สนใจสามารถสมัครเข้ามาร่วม โครงการได้ โดยกรมฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่ที่ยังไม่เคยออกไปทำตลาด ต่างประเทศได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ฐานราก และขยายโอกาสให้ ผู้ประกอบการในทุกระดับในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและกิจกรรมเจรจาการค้าในต่างประเทศ (Business Matchingและ Pitching/Startup) โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นสินค้าหรือบริการอะไร แต่ถ้าเห็นว่ามีโอกาส กรมฯ ก็พร้อมสนับสนุน” น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว
น.ส.บรรจงจิตต์กล่าวว่า โครงการ SMEs Pro-active ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การสนับสนุนและ เพิ่มเติมลักษณะกิจกรรมที่สนับสนุนของโครงการ เพื่อตอบสนองตามข้อคิดเห็นจากผู้ประกอบการในระยะที่ ผ่านมา และยังได้ปรับปรุงให้โครงการมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสให้กับ SMEs ตั้งแต่ระดับฐานราก โดยได้ทำงานร่วมกับ 4 หน่วยงานพันธมิตรได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่ง ประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ในการดำเนินการ
สำหรับหลักเกณฑ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับการสนับสนุนง่ายขึ้นเช่น การเริ่มต้นนับสิทธิ์การเข้าร่วมตั้งต้นใหม่ (Set Zero) เพื่อเปิดโอกาสแก่ผู้ใช้สิทธิ์รายเก่าที่ใช้สิทธิ์ครบจำนวน จากระยะก่อนหน้า รวมถึงแก้ไขคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการเป็นนิติบุคคลที่มีมูลค่าส่งออกเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ไม่เกิน 500 ล้านบาท เพื่อขยายฐานการสนับสนุนให้ครอบคลุมผู้ประกอบการมากขึ้นในทุกระดับ และยังได้ เพิ่มโอกาสให้ ผู้เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ซึ่งส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านกิจกรรมเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการใน ต่างประเทศจำนวน 6 ครั้งโดยได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท และกิจกรรมสร้างโอกาสทางการค้าและเครือข่ายทางธุรกิจในต่างประเทศ ประกอบด้วยกิจกรรมเจรจาการค้า (BusinessMatching) และ กิจกรรมนำเสนอผลงาน (Business Pitching) เพื่อขายหรือระดมเงินทุน อาทิการประกวดภาพยนตร์และ สารคดีในต่างประเทศ จำนวน 6 ครั้ง และได้รับวงเงินสนับสนุนสูงสุดรายละ 200,000 บาท เป็นต้น
เป้าหมายการจัดทำโครงการระยะที่ 3ได้ตั้งเป้าสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น มากกว่าค่าเฉลี่ยที่ทำได้จากโครงการระยะที่ 1 และ 2โดยโครงการระยะที่ 1 (ปี 2556-58) ได้สนับสนุน ผู้ประกอบการกว่า 2,600 ราย เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมกว่า 269 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 8,600 ล้านบาทและโครงการระยะที่ 2 สนับสนุนผู้ประกอบการกว่า 1,747 ราย มูลค่าทางเศรษฐกิจจากการส่งออกรวมประมาณ 211 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6,963 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้โครงการมีความรวดเร็ว ตรวจสอบได้อย่างทันท่วงที กรมฯได้นำระบบการ บริหารจัดการโครงการออนไลน์ โดยเฉพาะการใช้ฐานข้อมูลออนไลน์ในกระบวนการรับสมัคร ประเมินผล และ ติดตามผลมาปรับใช้ในการบริหารโครงการซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย E-Government ของรัฐบาล เพื่ออำนวย ความสะดวกแก่ผู้ประกอบการที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการด้วย หากท่านใดต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ DITP Call Center 1169 หรือ โทร 02-507-7783, 02 507-7786, 02-507-7799