ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® เร่งสร้างนักขี่มอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ทั่วโลก
ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® เผยรายละเอียดแผนกลยุทธ์เพื่อกระตุ้นการเติบโต “More Roads to Harley-Davidson” ซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานไปจนถึงปี ค.ศ. 2022 เพื่อการกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมาร่วมสัมผัสประสบการณ์อันน่ารื่นรมย์ของการขับขี่มอเตอร์ไซค์ระดับโลกมากยิ่งขึ้น
ท่ามกลางโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภค การดำเนินงานเพื่อกระตุ้นการเติบโตนี้จะช่วยสนับสนุนเป้าหมายในปี ค.ศ. 2027 ของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® ด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญและการลุงทุนเชิงกลยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจในสหรัฐฯ พร้อมกับเร่งการเติบโตของแบรนด์ในระดับสากล
“แผนการดำเนินงานที่ชัดเจนซึ่งเราได้แถลงในวันนี้ จะช่วยยกระดับศักยภาพและอำนาจทางการแข่งขันอันแข็งแกร่งของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® นั่นก็คือความเป็นเลิศในการพัฒนาและการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ความนิยมต่อแบรนด์ในระดับสากล และแน่นอน เครือข่ายผู้จำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® ที่กว้างขวางของเรา” มร. แมตต์ ลาวาทิช ประธานบริษัทและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® กล่าว “เราจะปฏิวัตินิยามของอิสรภาพแห่งการขับขี่ยานยนต์สองล้อไปอีกขั้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่นักขี่รุ่นใหม่ในอนาคต ซึ่งอาจยังไม่เคยสัมผัสกับความตื่นเต้นเร้าใจในการพุ่งทะยาน ควบคู่ไปกับการรักษากลุ่มนักขี่ที่ภักดีต่อแบรนด์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® ในปัจจุบัน”
ผลลัพธ์จากการประเมินในทุกระดับผ่านมุมมอง “ลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง” ทำให้แผนกลยุทธ์ More Roads to Harley-Davidson ประกอบด้วยเนื้อหาสาระดังนี้
- ผลิตภัณฑ์ใหม่ – การเชิญชวนนักขี่มอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันให้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ และสร้างแรงบันดาลใจแก่นักขี่รุ่นใหม่ ผ่านการขยายตลาดมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ที่เราเป็นผู้นำ พร้อมปลดล็อกตลาดและกลุ่มผู้บริโภคใหม่ ๆ
- การเข้าถึงแบรนด์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น – การเข้าหาลูกค้าในที่ลูกค้าอยู่และดึงดูดให้พวกเขาเข้ามามีส่วนร่วมในประสบการณ์ร้านค้าปลีกในหลากหลายช่องทาง
- ผู้จำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® ที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น – การขับเคลื่อนกรอบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงินของผู้จำหน่ายฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® และยกระดับประสบการณ์ผู้บริโภคฮาร์ลีย์-เดวิดสัน®
“เราคาดหวังว่า แผนกลยุทธ์นี้จะทำให้กลุ่มผู้ขับขี่ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน® มีส่วนร่วมและมีมากขึ้น ด้วยฐานจำนวนนักขี่ที่หลากหลายมากขึ้น พร้อมผลกำไรและเงินหมุนเวียนที่มีมูลค่าสูงสุดในอุตสาหกรรม” มร. แมตต์ ลาวาทิช กล่าวปิดท้าย