“Mercedes-Benz Driving Events 2018” ยกขบวนรถหรูครบทุกเซ็กเมนต์ ทดสอบสมรรถนะ
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำภาพผู้นำรถหรู ที่โดดเด่นทั้งในด้านนวัตกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัย ดีไซน์ และสมรรถนะ เดินหน้าจัดกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยครั้งที่ 15 เชิญสื่อมวลชนและลูกค้าคนสำคัญเสริมทักษะความรู้และวิธีการขับขี่แบบปลอดภัยจากทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพจากประเทศออสเตรเลีย พร้อมขนทัพรถหรูรุ่นล่าสุด มาให้ร่วมทดสอบกันอย่างครบครันในทุกเซ็กเมนต์ อาทิ สุดยอดยนตรกรรมดีไซน์สปอร์ต The new CLS 300 d AMG Premium สปอร์ตคูเป้สุดหรู The E 200 Coupé AMG Dynamic รถยนต์เปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง S 500 Cabriolet AMG Premium และยนตรกรรมระดับพรีเมี่ยมกว่าสิบรุ่น จำนวนรวม 21 คัน ณ สนามพีระเซอร์กิต พัทยา
มร.ไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ ดำเนินงานภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับลูกค้าทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า โดยหนึ่งในพันธกิจที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ความสำคัญ และยึดมั่นเสมอมาคือการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้คิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยอันก้าวล้ำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในเรื่องการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากการขับขี่ให้เป็นศูนย์ (Accident-Free Driving) และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดบนท้องถนน นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับ “การพัฒนาทักษะการขับขี่” เพื่อให้ผู้ขับขี่ทุกท่านได้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานระบบความปลอดภัยของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือตนเอง และบุคคลรอบข้าง ในกรณีที่เกิดเหตุคับขัน เพื่อช่วยลดความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง”
มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่บริษัทได้จัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี และปีนี้เป็นปีที่ 15 โดยจัดขึ้นบนความมุ่งมั่นที่จะเสริมทักษะความรู้และวิธีการขับขี่แบบปลอดภัยให้กับสื่อมวลชนและลูกค้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อฝึกฝนให้ผู้ขับขี่สามารถคาดการณ์อันตรายต่าง ๆ ได้ล่วงหน้า และสามารถหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้อย่างทันท่วงที โดยผู้เข้ารับการอบรมจะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการขับขี่ ควบคู่ไปกับการใช้ระบบความปลอดภัยใหม่ๆ ของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งบริษัทได้เตรียมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวม 18 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ โดยมีไฮไลท์สำคัญที่รถยนต์ตระกูลดรีมคาร์ 3 รุ่น ประกอบด้วย The new CLS 300 d AMG Premium และสปอร์ตคูเป้ 2 ประตู 4 ที่นั่ง อย่าง The E 200 Coupé AMG Dynamic ซึ่งเป็นสองรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์ โชว์ 2018 รวมไปถึงยนตรกรรมที่ผสานความหรูหราโดดเด่นของ S-Class เข้ากับความสปอร์ตเร้าใจของรถยนต์สไตล์ Coupé อย่าง S 500 Cabriolet AMG Premium โดยทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพ นำทีมโดย มร. ปีเตอร์ แฮ็คเค็ท ที่มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี”
นอกจากนี้ บริษัทได้จัดเตรียมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นต่าง ๆ สำหรับการฝึกไว้กว่า 21 คัน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ในกลุ่ม Compact Car อย่าง CLA 250 AMG Dynamic และ GLA 250 AMG Dynamic กลุ่ม Contemporary Luxury อย่าง C 350 e AMG Dynamic, E 350 e AMG Dynamic และ S 350 d AMG Premium กลุ่ม Dream Car อย่าง C 250 Coupé AMG Dynamic และ E 300 Cabriolet AMG Dynamic และกลุ่ม SUV เช่น GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic และ GLC 250 4MATIC Coupé AMG Plus เป็นต้น รวมถึงกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงจากแบรนด์ Mercedes-AMG อาทิ Mercedes-AMG SLC 43, Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG CLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG A 45 4MATIC และ Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC นอกเหนือจากการฝึกทักษะด้านความปลอดภัยแล้ว ทุกท่านยังจะได้สัมผัสถึงสมรรถนะการขับขี่อันดีเยี่ยม ความโฉบเฉี่ยวเร้าใจสไตล์สปอร์ต ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงความสามารถในการตอบสนองที่รวดเร็ว ตอบรับทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ได้เป็นอย่างดีของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นอีกด้วย
โดยกิจกรรมฝึกอบรมเทคนิคการขับขี่ปลอดภัย “Mercedes-Benz Driving Events 2018” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-8 กรกฎาคม 2561 โดยแบ่งผู้เข้ารับการอบรมออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อเข้าอบรมในแต่ละวัน และดำเนินการฝึกอบรม ในสนามพีระเซอร์กิต พัทยา ซึ่งหลักสูตรการฝึกอบรมในครั้งนี้ จะแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 ฐาน ได้แก่ การขับแบบสลาลม (Slalom) ด้วยความเร็วสูง การเปลี่ยนช่องทางวิ่งแบบกะทันหัน (Land Change) พร้อมเรียนรู้อาการของรถและการควบคุมรถอย่างถูกวิธี การเบรกแบบฉุกเฉิน (Emergency Braking) เมื่อพบเจอสิ่งกีดขวางหรือถูกตัดหน้ารถแบบกะทันหัน พร้อมเรียนรู้ระยะทางการหยุดรถแบบปลอดภัยด้วยระดับความเร็วต่างๆ หรือการหักหลบสิ่งกีดขวางบนถนนเปียกลื่น พร้อมเปรียบเทียบอาการเสียการทรงตัว อาการเข้าโค้งและหลุดโค้ง (Under/Over Steering) เป็นต้น ปิดท้ายด้วยการขับแบบ Hot lap เพื่อให้ทุกท่านได้ทดสอบสมรรถนะรถยนต์ในสนามอย่างเต็มที่อีกด้วย
ผู้เข้ารับการอบรมจะได้รับประสบการณ์จริงจากการฝึกทักษะแต่ละด้านและได้รับทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากระบบความปลอดภัยอันก้าวล้ำจากนวัตกรรมด้านความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดในการผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางทีมวิศวกรของบริษัท ได้ทำการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีความปลอดภัยใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่สามารถเตรียมการป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ด้วยระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist) ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ (Active Brake Assist) ระบบช่วยเบรก (BAS-Brake Assist) ระบบ LED Intelligent light system ส่องสว่างอัจฉริยะ เทคโนโลยีช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS) ช่วยให้การขับขี่มีความปลอดภัยมากขึ้นโดยป้องกันไม่ให้ล้อการเกิดล็อคตัว ความช่วยเหลือนี้ทำให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป เช่น ในระหว่างการขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวาง หรือเมื่อเบรกบนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR) ช่วยลดการหมุนฟรีของล้ออย่างเป็นอิสระ เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์ลื่นไถลเสียการทรงตัว ระบบ PRE-SAFE® ที่ประสานรวมคุณสมบัติด้านการป้องกันก่อนเกิดเหตุและปกป้องขณะเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกัน ระบบมีความสามารถรับรู้ถึงสถานการณ์ฉุกเฉินล่วงหน้า และสั่งการให้มาตรการป้องกันเบื้องต้นทำงาน เพื่อป้องกันผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถในกรณีที่อุบัติเหตุกำลังจะเกิดขึ้น มาตรการนี้ประกอบด้วยการทำงานของเข็มขัดนิรภัยรั้งกลับอัตโนมัติ และการเลื่อนปิดกระจกหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ทุกบานโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยีช่วยเหลือขณะเกิดอุบัติเหตุ อย่าง ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และ เซนเซอร์ล่วงหน้า ที่สามารถลดเวลาระหว่างการชนปะทะและการทำงานของเข็มขัดนิรภัยให้สั้นลง ถุงลมนิรภัยสามารถพองตัวขึ้นใน 2 ระดับ โดยเป็นการพองตัวขึ้นล่วงหน้าระดับหนึ่งและสอดคล้องกับสถานการณ์อีกระดับหนึ่ง หรือเทคโนโลยีช่วยเหลือหลังเกิดเหตุ เพื่อลดความเสียหายที่ตามมาหลังเกิดอุบัติเหตุและช่วยเหลือการทำงานของทีมให้ความช่วยเหลือ การทำงานที่แตกต่างกันหลายรูปแบบจะเริ่มต้นทำงานโดยขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของการชนปะทะที่ระบบบันทึกไว้ โดยเทคโนโลยีทั้งหมดถูกสร้างขึ้นเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุดตลอดการเดินทางให้แก่ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือแม้แต่ผู้ร่วมเดินทางบนท้องถนน
Acceleration Test Station
Dynamic Response Station
Emergency Testing Station
Handling Course & Circuit Experience
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกทุกฐานแล้ว ผู้ขับขี่จะมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีความปลอดภัยอันทันสมัยที่ติดมากับตัวรถได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทุกท่านที่ผ่านการฝึกอบรมฯ จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจากทางบริษัทอีกด้วย