web analytics

ติดต่อเรา

Toshiba รุกหนักครึ่งปีหลัง เปิดตัวสินค้าใหม่ 34 รุ่น หวังรายได้โต 2 ดิจิต

นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมด้วยนายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด พร้อมคณะผู้บริหาร ร่วมแถลงข่าว “A New Chapter Beyond All Limits” เปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมชูนโยบายและแผนการตลาดเชิงรุกในครึ่งปีหลัง

นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า โตชิบา ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ภายใต้มาตรฐานการดีไซน์และการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นด้านคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค  จากการรวมกันของ TLSC และ Midea Group เรามุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดโลก (Global Market) มากยิ่งขึ้น  ขยายกลุ่มสินค้าให้หลากหลาย

นอกจากนี้ นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ยังกล่าวตอกย้ำว่า TLSC ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะลงทุนในประเทศไทย ทั้งในแง่เป็นฐานการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการขายและการทำตลาด  และโตชิบาจะยังคงเติบโต ยั่งยืน และก้าวไปด้วยกันกับคนไทย  เรามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น และคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคนไทย ตามสโลแกนโตชิบา

นายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับตลาดในประเทศไทย  ภาพรวมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ในช่วงฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตสูงถึง 4.1% ซึ่งถือว่าเติบโตสูงสุดตั้งแต่ปี 2555 ส่วนค่า GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 4.8% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มในเชิงบวกว่าธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะดีขึ้น

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2561 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังคงทรงตัวที่อัตราการเติบโต 0.2% เนื่องจากสภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศ มีผลติดลบ 9%  อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ยังมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 7% ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าอนาคตจะเป็นไปในเชิงบวก

สำหรับผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ภาพรวมยอดขายโตชิบา โตขึ้นถึงกว่า 20%  เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ในส่วนของการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก โตชิบาเผยโฉมสินค้าใหม่มากถึง 8 หมวดหมู่ รวม 32 รุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างโตชิบาและไมเดีย และจากการลอนช์สินค้าดังกล่าว จึงเป็นที่มาของยอดขายที่เติบโตสูงขึ้น

สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง โตชิบายังคงใช้ความได้เปรียบจากการรวมกันของ 3 ประเทศ ได้แก่สินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น  ความรวดเร็วในการผลิตและการพัฒนาจากประเทศจีน  และประสบการณ์การทำตลาดอันยาวนานจากประเทศไทย เปิดตัวคอนเซปต์ A New Chapter Beyond All Limits เพื่อตอกย้ำ โตชิบายุคใหม่ ที่จะก้าวทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด  โดยคาดหวังจะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Top 3 ในประเทศไทย ภายใน 3 ปี และต้องเติบโตอย่างน้อย 2 ดิจิตขึ้นไป เราวางแผนที่จะขยายธุรกิจของเราให้เติบโตยิ่งขึ้น จากการที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากมาย โดยในครึ่งปีหลัง แผนเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มอีก 8 หมวดหมู่ 34 รุ่น

นายฮิโรยูกิ ทากาเสะ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวี กล่าวเสริมว่าจากข้อมูลเดือนมกราคมถึงเมษายน 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าการตลาดสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เติบโตขึ้น 0.2% โดยสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นเยอะได้แก่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (SDA – Small Domestic Appliances) ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 31% ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ 32% ตู้เย็น 19% และเครื่องซักผ้า 18% ส่วนการเติบโตสินค้ากลุ่มความเย็นและกลุ่มซักผ้า เติบโต 4% ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ ติดลบ 9% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโตสูงถึง 7.1% โดยเครื่องทำน้ำอุ่นโตถึง 31% และไมโครเวฟ 15%

ส่วนผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ยอดขายโตชิบาโตถึงกว่า 20% โดยมาจากตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และเครื่องทำน้ำอุ่นที่เติบโตถึง 38%, 35%, 189% และ 146% ตามลำดับ  ส่วนเครื่องปรับอากาศ เติบโตเพียง 1%

ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 34 รุ่น  ทั้งกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า  หม้อหุงข้าว เครื่องปั่นน้ำผลไม้ และเครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างของสินค้าที่โตชิบาขาดหายไป และถือเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายและครบถ้วนยิ่งขึ้น

นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าวเสริมว่า ในครึ่งปีหลังนี้  โตชิบาจะเปิดตัวสินค้ามากมาย โดยเฉพาะตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่จะมาขยาย Market Share ของโตชิบาให้กว้างขึ้น ทั้งตลาดพรีเมียมและตลาดแมส สำหรับสินค้ากลุ่มตู้เย็น โตชิบาเป็นที่ 1 ในเรื่องตู้เย็นประตูเดียวมาตลอดหลายปีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีตู้เย็น 2 ประตู และตู้เย็นมินิบาร์  แต่ในปีนี้ เราจะมาครบไลน์อัพ เติมเต็มช่องว่างเค้กก้อนใหญ่ในส่วนของตู้เย็นมัลติดอร์ (Multi Doors) และตู้เย็นไซด์บายไซด์ (Side By Side) ที่มีมูลค่าการตลาดถึงหนึ่งพันล้านบาท โดยมีแผนออกสินค้าในไตรมาส 4 ส่วนในไตรมาส 3 เราส่งตู้เย็น 1 ประตูรุ่นใหม่ FIT ที่ปรับโฉมใหม่ เพื่อยังคงรักษาความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตู้เย็น 1 ประตู ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเกือบ 30%

ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โตชิบาจะใส่ใจเรื่องความต้องการของลูกค้า รวมถึงดูเทรนด์ผู้บริโภคเป็นหลัก เฉกเช่นการพัฒนาตู้เย็น  ที่ผู้หญิงทำงานนอกบ้านมากขึ้น เวลามีจำกัด ดังนั้นการซื้อของกินของใช้ในแต่ละครั้งจึงมาก และเมื่อต้องเก็บมาก เราจึงออกแบบตู้เย็นให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงต้องเก็บรักษาความสดได้ยาวนาน  และต้องออกแบบตู้เย็นให้จัดสรรของกินแต่ละประเภทให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม  จึงเป็นที่มาของการเกิดตู้เย็นไซด์บายไซด์ และมัลติดอร์

ตู้เย็นมัลติดอร์ โดดเด่นด้วย 3 Cycle Real Inverter มาพร้อมระบบทำความเย็น  3 Cooling กระจายความเย็นได้ทั่วถึง และระบบการกำจัดกลิ่นชั้นยอด นอกจากนี้ยังแบ่งช่องต่าง ๆ ในตู้เย็นได้มากถึง 26 ช่อง เพื่อให้คุณเลือกแช่ได้ตามใจ

ส่วนตลาดเครื่องซักผ้า เราตั้งเป้าเติบโต 50% โดยขยายไลน์อัพเพิ่ม ด้วยการเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถังสำหรับจับตลาดกลางถึงล่าง และเพิ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า และ 2 in 1 เครื่องซักอบผ้าฝาหน้า เพื่อจับกลุ่มคอนโด และตลาดกลางถึงบน ซึ่งใน 2 ตลาดดังกล่าว มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยเติมเต็มมาร์เก็ตแชร์ของกลุ่มเครื่องซักผ้าของโตชิบามากขึ้น

ในไตรมาส 3 นี้ โตชิบามีแผนเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถัง ซึ่งมาด้วยดีไซน์ที่สวยหรู ตัวถังกันสนิม พร้อมจุดเด่นท่อเติมน้ำแบบคู่ ที่ทำให้การซักและการปั่นสะดวก สะอาดยิ่งขึ้น  มีให้เลือกมากถึง 4 ความจุ คือ 7.5 กก.  8.5 กก. 11 กก. และ 13 กก. เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย

สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือ Front Load จะมาด้วยเทคโนโลยี Great Wave ที่ช่วยให้ผ้าสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำร้อน จึงทำให้ประหยัดไฟ ประหยัดเวลา รวมถึงช่วยปกป้องสีสันของเสื้อผ้าให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น มาพร้อม 3 ความจุให้เลือก คือ 7.5 กก. 8.5 กก. และ 9.5 กก.

ส่วนตัวไฮไลท์ เป็นเครื่องซักอบฝาหน้า ที่มีความจุทั้งซักและอบที่เท่ากัน  เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งมีให้เลือก 2 ความจุ คือ 10/10 กก. และ 8/8 กก. ซึ่งแพลนวางขายในไตรมาส 4

นายชาตรี พลสอนดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก กล่าวว่า ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงมาก มีความต้องการใช้ต่อเนื่อง และด้วยความที่สินค้ามีหลากหลาย จึงตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้แตกต่างกัน สำหรับแบรนด์โตชิบา เราตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายใน 3 ปี โดยในครึ่งปีแรก เห็นผลชัดเจนว่าเราเติบโตมากในกลุ่มสินค้ากลุ่มไมโครเวฟ ซึ่งโตขึ้นถึง 189% จากการที่เราเปิดตัวไมโครเวฟใหม่ 7 รุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา  นอกจากนี้ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งโตขึ้นถึง 146% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ในไตรมาสที่ 3 นี้ เราแพลนออกเครื่องทำน้ำอุ่นใหม่อีก 8 รุ่น เพื่อเตรียมรับหน้าหนาวที่จะมาถึงในปลายปีนี้

สำหรับตลาดหม้อหุงข้าว  เราตั้งใจขยายตลาดระดับกลางถึงล่าง โดยส่งหม้อหุงข้าวประเภท Jar Type หรือหม้ออุ่นทิพย์ดีไซน์ใหม่ สดใส และทันสมัยกว่าเดิม มีให้เลือก 2 ความจุ 5 รุ่น 3 ดีไซน์  มากไปกว่านั้น โตชิบากำลังขยายไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องปั่นน้ำผลไม้เพิ่ม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน และคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น เครื่องปั่นน้ำผลไม้ของโตชิบา มาด้วยเทคโนโลยี Off Center ที่ช่วยให้น้ำผลไม้ปั่นละเอียดยิ่งขึ้น

นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยโดยตรงจากกลุ่มผู้บริโภคด้วย อย่างแนวโน้มหรือเทรนด์ เรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว จะส่งผลต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องความสะดวกสบาย  คุณภาพและเทคโนโลยี  ดีไซน์ของสินค้า  ที่อาจนับได้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน รวมถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ อย่างเรื่องการประหยัดเวลา นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ยังรวมถึงการรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน และการรักสุขภาพ  ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโตชิบา จึงถูกออกแบบมา โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นปัจจัยหลัก เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะ “นำสิ่งที่ดี มาสู่ชีวิต” ให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับกิจกรรมการตลาดในครึ่งปีแรก อัตราส่วนการลงทุน จะมุ่งเน้นที่ การสร้างแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ และการจดจำต่อสาธารณชน ซึ่งรวมไปถึง ณ จุดขาย การส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น และนอกจากการลงทุนข้างต้นแล้ว ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย  อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคได้มากที่สุด นอกเหนือจากการจัดจำหน่าย สินค้า ที่มีคุณภาพ หลากหลาย และแข่งขันได้

ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง จะเน้นเรื่อง 4P ได้แก่ สินค้า อย่างเรื่องการเพิ่มไลน์สินค้า การอัพเกรดสินค้าให้มีคุณภาพและทันสมัยยิ่งขึ้น รวมไปถึง การขยายช่องทางการขาย ช่องทางการจัดจำหน่าย ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น รวมถึงแพลนปรับโฉมร้านค้าให้ดูทันสมัย และสวยงามยิ่งขึ้น แผนการสื่อสารและการตลาดงบกว่า 12% เพื่อการลงทุนด้านโฆษณาและส่งเสริมการขาย ทั้ง Above the line และ Below the line เพื่อสร้างการรับรู้ และความเชื่อมั่นในตราสินค้า ทั้งนี้ ภาพรวมการตลาดจะผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะ Online & Social Media เป็นหลัก โดยเน้นเรื่อง Digital Marketing, Localized Marketing รวมไปถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เหมาะกับกลุ่มสินค้า ฤดูกาล และพื้นที่การขาย โดยจะมีแคมเปญออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ แคมเปญรับหน้าฝน แคมเปญฉลองวันเกิด แคมเปญรับปีใหม่ หรือแม้แต่การทำ Road Show  และ Work Shop ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า และสุดท้าย เรายังคงให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย ที่ไม่ได้ต้องการให้เป็นตัวแทนขายสินค้า แต่เขาคือที่ปรึกษาส่วนตัว (Personal Consultant)  เราจึงมีแผนพัฒนาบุคลากรให้ความรู้และฝึกอบรมทั้งในส่วนการขาย  การสร้างประสบการณ์การใช้งาน การเป็นเลขาส่วนตัว รวมถึงการให้คำแนะนำหลังการขายอีกด้วย

นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท กล่าวเสริมว่า นอกจากบริษัทจะเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และแผนการตลาดต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทยังได้มีแผนการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบงานบริการหลังการขาย  ระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล และระบบต่าง ๆ เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ขอให้เชื่อมั่นในโตชิบา เรายังคงเป็นแบรนด์ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ในฐานะผู้ถือหุ้นคนไทย  เรายังเชื่อมั่นในโตชิบา และในการรวมพลังของเรา 3 ประเทศ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่รวดเร็ว และเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านส่งเสริมกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคม (CSR – Corporate Social Responsibility) เช่นที่ผ่านมา โตชิบาจะต้องเป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีธรรมาภิบาลของสังคมไทย เป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการขายและการบริการเท่านั้น แต่ต้องเป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อท่านผู้แทนจำหน่าย  ต่อสังคม ต่อคนรุ่นต่อไป ต่อประเทศชาติที่รักของพวกเราทุกคน และจะ “มุ่งมั่น …นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต”

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *