ประกาศผล DIAGEO Reserve World Class 2018 “Thailand Final”
บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จัดการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งวงการมิกโซโลจิสต์ไทยDIAGEO Reserve World Class 2018 “Thailand Final” ภายใต้การสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและแคมเปญ “Amazing Thailand” สร้างมาตรฐานและความสามารถของบุคลากรในวงการค็อกเทลในไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ผู้รังสรรค์ความเป็นที่สุดของค็อกเทลแก้วพิเศษ เป็นตัวแทนประเทศไทยไปชิงแชมป์ระดับโลก เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ Escape Bangkok ศูนย์การค้า The Emquatier
บรรยากาศการแข่งขันรอบตัดเชือก ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 “ไทยแลนด์ ไฟนอล” (DIAGEO Reserve World Class 2018 “Thailand Final) สร้างความลุ้นระทึกและตื่นตาตื่นใจให้กับคณะกรรมการและผู้ชมเป็นอย่างมาก โดยสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทยที่สามารถรังสรรค์เครื่องดื่มแก้วพิเศษได้น่าประทับใจที่สุด ได้แก่ เจน แก้วยอด บาร์เทนเดอร์หนุ่มมากฝีมือจากร้าน Sorrento ซึ่งหลังจากนี้เขาจะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปชิงชัยรอบสุดท้ายบนเวทีระดับโลก เวิลด์คลาส โกลบอล ไฟนอล 2018 (World Class Global Finals 2018) ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี
พรเสก ภาคสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส (DIAGEO Reserve World Class) นับได้ว่าเป็นรายการแข่งขันบาร์เทนเดอร์อันดับหนึ่งของโลก เพราะเป็นโปรแกรมอบรมและการแข่งขันมิกโซโลจิสต์ ที่ยิ่งใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุด ซึ่งให้ความรู้และแรงบันดาลใจแก่บาร์เทนเดอร์มาแล้วกว่า 250,000 คน ใน 60 ประเทศทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ได้เข้าร่วมโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งไม่เพียงค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปชิงแชมป์ระดับโลก แต่ยังเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะด้านการผสมเครื่องดื่มให้กับบาร์เทนเดอร์เพื่อยกระดับมาตรฐานอาชีพบาร์เทนเดอร์ในประเทศไทยให้ดีขึ้นด้วย โดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา การแข่งขันนี้ได้ช่วยพัฒนาศักยภาพบาร์เทนเดอร์ไทยไปแล้วกว่า 500 คน
“โปรแกรม World Class ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเป็นโปรแกรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพ ทักษะฝีมือ และความสามารถของผู้ประกอบอาชีพบาร์เทนเดอร์ทั่วโลก โดยบาร์เทนเดอร์ที่ผ่านการฝึกฝนและผ่านการแข่งขันจะได้รับประกาศนียบัตร World Class เพื่อการันตีถึงความมีระดับ ความหรูหรามีสไตล์ ความสามารถ รวมไปถึงความคิดสร้างสรรค์และบริการชั้นเลิศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทำค็อกเทลระดับโลก”
ทั้งนี้การแข่งขัน ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส 2018 “ไทยแลนด์ ไฟนอล” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยรวมยอดสุดยอดฝีมือในแวดวงค็อกเทลของไทยมาประชันความสามารถภายใต้โจทย์ทั้ง 4 ประเภท โดย 2 โจทย์แรกของรอบ Semi final ได้แก่ Thai Eco และ The Cocktail at Home ที่จะพิสูจน์ความสามารถของผู้ผ่านเข้ารอบ ทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ และการประยุกต์ดัดแปลง สิ่งต่างๆ รอบตัวเพื่อสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่แตกต่าง และในรอบFinal กับโจทย์ Against the Clock และ The Blue ‘s Dinner โดยการตัดสินของคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ พันธมิตร และผู้ร่วมสนับสนุนจากหลายแวดวง ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติมากมายจากทั้งวงการธุรกิจ สื่อมวลชน แฟชั่นกูรู ผู้ฝึกสอนบาร์เทนเดอร์ รวมถึงตัวแทนจากองค์กรภาครัฐ ที่เข้าร่วมชมการแข่งขันและเฉลิมฉลองชัยให้แก่ผู้ชนะเลิศ
เจน แก้วยอด ผู้คว้าชัยชนะและได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันรอบสุดท้าย World Class Global Finals 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในเดือนสิงหาคม 2561 เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณเวิลด์คลาสที่เปิดโอกาสให้ผมได้มีพื้นที่พิสูจน์ตัวเอง และทุกคนที่คอยสนับสนุน เพราะผมซ้อมค่อนข้างหนักมาก สำหรับความพิเศษของค็อกเทลที่ทำให้คว้ารางวัลนั้น ชื่อว่า วัส–สะ–นะ ซึ่งแปลว่ากลิ่นอายของฤดูฝน คนจะคิดว่า เวลาที่ฝนตกผลไม้หรือวัตถุดิบรสชาติจะเจือจางแต่จริงๆ การที่ฝนตก ยังให้อย่างอื่นกับราก ผล ลำต้น ผมจึงเลือกใช้วัตถุดิบที่ออกในช่วงนี้พอดี อาทิ ดอกกระเจียวที่ชื่อว่า สยามทิวลิป ฟลาวเวอร์ ในนั้นจะมีน้ำฝนที่กักขังอยู่ และใช้มะตูมสด ซึ่งมีสรรพคุณทางยานับไม่ถ้วน ผมใช้ผอบและบลู เลเบิล รีเสิร์ฟ เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการสร้างค็อกเทล และใช้ลูกฟิกส์ จากโครงการหลวง ซึ่งทุกอย่างผมได้แรงบันดาลใจมาจากในหลวงรัชกาลที่ 9 คือมองของที่เรามี บวกกับเทคนิควิธีการและใส่ความสนุกลงไป สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ แล้วนำมาพัฒนาในแบบแผนของเรา ทำให้ได้ค็อกเทลออกมาดีที่สุดในช่วงเวลาเหมาะสมที่สุด
สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะไปร่วมชิงชัยในเวทีระดับโลก World Class Global Finals 2018 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในเดือนสิงหาคม 2561 นี้ เจน กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นว่า “ต้องศึกษาค้นคว้าหาโจทย์ของการแข่งขันว่าต้องการอะไร และมีข้อจำกัดอะไรบ้าง จากนั้นจึงนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ พร้อมกับคำแนะนำต่างๆ มาพัฒนาทักษะเพิ่มเติม รวมถึงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำค็อกเทลให้ออกมาดีที่สุด”
