ขับสบาย… ไปทุกที่ “โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน”
“ไลฟ์สไตล์แบบซูเปอร์ลักซ์ชัวรีกำลังจะเติบโตไปอีกขั้นโดยมีโรลส์-รอยซ์เป็นผู้นำ ความหรูหราจะไม่ถูกจำกัดอยู่ในคอนเซปท์ของเมืองอีกต่อไป แต่จะขยายออกไปสู่ประสบการณ์การค้นพบโลกกว้าง ลูกค้าของเรามีความต้องการที่จะเดินทางไปทุกที่อย่างหรูหรา และพิชิตเส้นทางที่สมบุกสมบันที่สุดเพื่อความเพลิดเพลินกับอรรถรสในการเดินทางไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใด พวกเขาต่างตั้งตารอให้ โรลส์-รอยซ์ สร้างรถยนต์ที่ให้ความหรูหราสง่างามไม่ว่าผู้ขับขี่จะเดินทางไปที่ใด และคัลลิแนนก็คือรถยนต์คันนั้นที่ขับสบาย…ไปทุกที่ คัลลิแนน คือรถยนต์ที่ไร้ผู้ทัดเทียม และเป็นรถยนต์ที่ให้คำจำกัดความการเดินทางอย่างหรูหราที่สุด อีกทั้งยังเป็นสุดยอดแห่งการ ‘ขับสบาย’ ไม่ว่าเส้นทางจะสมบุกสมบันแค่ไหน เป็นรถที่สามารถไปได้ทุกแห่งหนได้อย่างสบาย ๆ” มร. ทอร์สตัน มูเลอร์-ออทเวิส ประธานบริหาร โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส
3 ปีมาแล้วที่ โรลส์-รอยซ์ ประกาศว่าจะสร้างรถยนต์อเนกประสงค์ประเภทยกตัวถังสูงชื่อว่าคัลลิแนน เราได้รังสรรค์ “รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ อเนกประสงค์เอสยูวี” ขึ้นมาตามคำเรียกร้องของลูกค้าทั่วโลก ซึ่งเป็นรถยนต์มีทั้งความหรูหรา สมรรถภาพ และประโยชน์ใช้งานหลากหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดรถอเนกประสงค์เอสยูวี ลูกค้าในกลุ่มนี้หลายคนเป็นบุคคลที่มีรายได้สูงและอายุยังน้อย พวกเขาให้ความสำคัญกับคุณค่าของประสบการณ์ชีวิต และต้องการโรลส์-รอยซ์ที่จะพาพวกเขาเดินทางไปยังสุดขอบโลกด้วยยนตรกรรมอันหรูหราถึงขีดสุด
คัลลิแนนคืออะไร
โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน เป็นโรลส์-รอยซ์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อครั้งที่เซอร์ เฮนรี รอยซ์กล่าวว่า “จงดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความสมบูรณ์แบบในทุกสิ่งที่ตนทำ จงดึงเอาด้านที่ดีที่สุดของสิ่งที่มีอยู่ออกมาแล้วทำให้ดียิ่งขึ้น ถ้าสิ่งนั้นไม่มีอยู่จงสร้างมันขึ้นมา” เขาคงจะมีภาพคัลลิแนนอยู่ในใจตั้งแต่ตอนนั้น
“เราทราบดีว่าเราต้องเสนอผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าของเราไม่สามารถหาได้ในตลาดรถอเนกประสงค์ทั่วไป” มูเลอร์-ออทเวิส กล่าว “ลูกค้าของเราไม่ยอมรับข้อจำกัดหรือความไม่สมบูรณ์แบบแม้แต่น้อยในการใช้ชีวิตของพวกเขา ลูกค้าของเราคือนักบุกเบิกยุคใหม่ สำหรับพวกเขาแล้วมันหมายถึงจิตวิญญาณในการผจญภัยและวิถีชีวิตอันกล้าหาญ และรถยนต์ที่ไปได้ทุกหนแห่งด้วยความหรูหราอันสมบูรณ์แบบตามสไตล์ โรลส์-รอยซ์ ดังนั้นเราจึงได้รังสรรค์รถยนต์อเนกประสงค์ประเภทยกตัวถังสูงขึ้นมา”
แน่นอนว่าลูกค้าที่อายุน้อยและชื่นชอบการผจญภัยจะต้องการรถ โรลส์-รอยซ์ ที่สามารถพาพวกเขาบุกตะลุยเส้นทางอันหฤโหดเพื่อจะได้ฝ่าฟันไปพบกับประสบการณ์อันสุดยอดของการเดินทาง และพวกเขาไม่ต้องการรถที่ดาษดื่นเหมือนกับรถอเนกประสงค์ทั่วไปที่ขาดความสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีปัญหามากมาย เช่นเสียงดังรบกวนในห้องผู้โดยสารเนื่องจากการออกแบบประเภท “two-box” แบบเก่า โครงสร้างรถที่ใช้ร่วมกับรถหลายรุ่นซึ่งมีผลต่อสมรรถนะและความสะดวกสบาย การออกแบบที่ทำให้วิ่งได้ดีแค่บนถนนหรือออฟโรดอย่างใดอย่างหนึ่ง มีประโยชน์ใช้งานน้อย หรือพูดได้ว่าเป็นเพียงรถธรรมดาอีกคันหนึ่ง
“คัลลิแนน คือ ความหรูหราที่สมบูรณ์แบบผสมผสานกับสมรรถนะของการวิ่งออฟโรด คำว่า ขับสบาย…ไปทุกที่ ไม่ใช่คำสัญญาของคัลลิแนน แต่มันคือความจริง” มูเลอร์-ออทเวิส กล่าว
การสรรสร้างความหรูหราของการ ขับสบาย…ไปทุกที่ นำไปสู่การพัฒนาด้านการออกแบบของโรลส์-รอยซ์เพื่อให้กำเนิดเอสยูวีที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่เห็นได้ชัดคือช่วงท้ายรถของคัลลิแนน
เป็นครั้งแรกที่โรลส์-รอยซ์มีประตูหลังรถซึ่งเรียกว่า “The Clasp” ที่ออกแบบมาให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่สัมภาระถูกเก็บไว้ด้านนอกของรถยนต์เพื่อไม่ให้เกะกะผู้โดยสารระหว่างเดินทาง ท้ายรถของคัลลิแนนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน รูปแบบ D-Back เพื่อจัดเก็บสัมภาระปริมาณมาก ๆ The Clasp ทั้ง 2 ส่วนสามารถเปิดและปิดอัตโนมัติเพียงแค่สัมผัสปุ่มที่รีโมทกุญแจ
ในส่วนของห้องโดยสารด้านหลังของ คัลลิแนน ได้ถูกออกแบบมาให้มีที่นั่งที่ดีที่สุดและสามารถตอบสนองทุกความต้องการของเจ้าของ ทั้งนี้มีการจัดที่นั่งอยู่สองรูปแบบ คือที่นั่งแบบเลาจน์และที่นั่งส่วนตัว
ในตัวเลือกทั้งสองนี้ กล่าวได้ว่าตัวเลือกการจัดที่นั่งแบบเลาจน์จะมีประโยชน์ใช้สอยที่มากกว่า ด้วยพื้นที่ด้านหลังที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารสามท่าน ที่นั่งแบบยาวจึงเหมาะกับครอบครัวมากกว่า อีกทั้งยังสามารถพับที่นั่งด้านหลังลงมาได้ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของ โรลส์-รอยซ์ ที่มีฟีเจอร์นี้
เบาะสามารถพับทำได้ตั้งแต่ 2/3 ถึง 1/3 ซึ่งทำได้อย่างง่ายดายโดยการกดปุ่มที่อยู่บริเวณพื้นที่เก็บของด้านหลังหรือช่องในประตูหลัง ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว พนักพิงก็จะพับลงมาพร้อมกับเลื่อนเบาะรองศีรษะขึ้นไปเพื่อมิให้เกิดรอยบนเบาะที่นั่ง ด้านหลังของพนักพิงห่อหุ้มด้วยผ้าที่ทนทานและกันลื่น ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดรอยขีดข่วนจากสิ่งของที่ห้องด้านหลัง นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ใช้งานเพิ่มเติมอีกเมื่อมีผู้โดยสารด้านหลังเพียงท่านเดียว เพียงแค่พับด้านหนึ่งลง ผู้โดยสารด้านหลังก็สามารถใช้ด้านหลังของพนักพิงเป็นโต๊ะทำงานได้
สำหรับผู้ที่ต้องการจะขนย้ายวัตถุขนาดใหญ่ที่ได้มาจากการผจญภัยของเขา ช่องเก็บของในกระโปรงหลังของ คัลลิแนน นั้นมีพื้นที่กว้างขวางปรับแต่งให้เหมาะกับการขนย้ายหลายรูปแบบ
ช่องด้านหลังหรือบริเวณกระโปรงหลังนั้นมีพื้นที่ถึง 560 ลิตร และขยายได้ถึง 600 เมื่อนำชั้นวางออก นอกจากนี้ยังสามารถพับที่นั่งด้านหลังลงซึ่งจะทำให้มีพื้นที่เก็บของที่ยาวถึง 2,245 มม. ซึ่งยาวกว่ารถที่มีชื่อเสียงด้านพื้นที่เก็บสัมภาระอื่น ๆ และสามารถขยายพื้นที่โดยรวมทั้งหมดได้ถึง 1,930 ลิตร
โรลส์-รอยซ์ยังเข้าใจอย่างดีว่าลูกค้าจะต้องการบริการสั่งผลิตพิเศษ (Bespoke) สำหรับคัลลิแนนของพวกเขา เราจึงมีตัวเลือกการปรับแต่งช่วงหลังอีกแบบหนึ่งเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าอีกด้วย
ส่วนรูปแบบการจัดที่นั่งแบบที่นั่งส่วนตัวนั้นจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถอเนกประสงค์ที่มีความหรูหราเป็นพิเศษมากกว่าประโยชน์การใช้งาน ที่นั่งด้านหลังสองตัวมีคอนโซลกลางด้านหลังเป็นตัวคั่น ซึ่งเป็นตู้เก็บเครื่องดื่มที่มาพร้อมกับแก้ววิสกี้ คนโท แก้วแชมเปญ และกล่องเก็บความเย็นของ โรลส์-รอยซ์ นอกจากนั้นยังสามารถเลื่อนที่นั่งได้หลายทิศทางเพื่อความสบายขั้นสูงสุดในขณะโดยสารอยู่ที่ด้านหลัง
ฟีเจอร์สุดท้ายที่สร้างความหรูหราขีดสุดของ โรลส์-รอยซ์ ให้กับรูปแบบการจัดที่นั่งของ คัลลิแนน เป็นการสร้างรถอเนกประสงค์รูปแบบ “Three-box” หนึ่งเดียวในโลกอย่างแท้จริง ด้วยแรงบันดาลใจจากยุคที่ผู้เดินทางจะไม่เดินทางไปกับสัมภาระของตนเอง เราจึงออกแบบให้มีกระจกกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารกับห้องด้านหลัง ซึ่งทำให้เกิดเป็นระบบนิเวศภายในสำหรับผู้โดยสาร นอกจากความเงียบสนิทของห้องโดยสารที่เหนือชั้นที่สุดในกลุ่มแล้ว ประโยชน์อีกประการหนึ่งก็จะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่ออยู่ในสถานที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ด้วยห้องโดยสารที่ปิดด้วยผนังกระจกอย่างแนบสนิท ผู้โดยสารภายในจะอยู่ในอุณหภูมิที่สบายที่สุดแม้ว่าจะเปิดฝากระโปรงหลังให้อากาศร้อนเข้ามาในพื้นที่เก็บสัมภาระ
การผจญภัยรอคุณอยู่
เมื่อคุณเข้าใกล้ คัลลิแนน จะตื่นขึ้นมา เพียงแค่สัมผัสที่ปุ่มปลดล็อคบนกุญแจแบบสั่งทำพิเศษหรือแค่ยื่นมือไปจับด้ามจับประตูที่สร้างมาจากสแตนเลสอันงดงาม เมื่อถูกปลุกให้ตื่น คัลลิแนนจะย่อตัวลงมา 40 มม. เพื่อให้คุณสามารถขึ้นรถได้อย่างสะดวกสบายผ่านประตูที่ติดบานพับด้านหลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ โรลส์-รอยซ์ ที่เปิดกว้างเพื่อต้อนรับผู้โดยสารในการออกผจญภัย
ด้วยประตูที่เปิดออกกว้างทำให้สามารถก้าวเข้าไปในห้องโดยสารอย่างง่ายดาย ภายในห้องโดยสารของรถรุ่นเดียวในกลุ่มนี้ที่มีพื้นเรียบ ผู้ขับและผู้โดยสารเพียงแค่กดปุ่มปิดประตูก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับห้องโดยสารอันหรูหราของ คัลลิแนน และหากต้องก้าวออกไปผจญภัยข้างนอก เพียงแค่แตะที่เซ็นเซอร์บนด้ามจับประตูภายนอก ประตูจะปิดโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องผู้โดยสารภายใน
จากนั้นเมื่อแตะที่ปุ่มสตาร์ท คัลลิแนน จะยกตัวสูงขึ้น 40 มม. ซึ่งเป็นระดับความสูงมาตรฐาน และจะทำให้ผู้ที่อยู่ภายในมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้อย่างชัดเจน
ผู้ขับจะรู้สึกได้ทันทีว่า คัลลิแนน คือรถของเขาเนื่องจากพวงมาลัยที่หนาขึ้นและเล็กลง อุ่นเมื่อสัมผัสและมีขอบนุ่มที่เหมาะมือและชวนให้นึกถึงการเดินทางฝ่าหิมะกับ คัลลิแนน ซึ่งพร้อมที่จะออกผจญภัยทุกเมื่อ ส่วนเบาะที่โปร่งและทำความร้อนในตัวก็จะทำให้ผู้โดยสารทุกคนอยู่ในอุณหภูมิที่สบายพอดิบพอดีไม่ว่าภายนอกรถจะร้อนหรือเย็นแค่ไหน จากตำแหน่งอันน่าเกรงขามหลังพวงมาลัยของ คัลลิแนน คุณจะเห็นอุปกรณ์ทุกชิ้นและเทคโนโลยีทั้งหมดได้อย่างชัดเจนและควบคุมได้อย่างง่ายดาย
ข้อมูลทุกอย่างจะแสดงขึ้นมาอย่างชัดเจนในหน้าปัดดิจิตอลที่ทันสมัยที่สุด จอหน้าปัดเป็นจอดิจิตอลสีที่แสดงเข็มหน้าปัดสวยงามเสมือนจริง, ลวดลายมงกุฎดอกไม้อันสวยงามละม้ายเครื่องเพชรพลอยของ โรลส์-รอยซ์ และตัวอักษรที่คมชัด
ถัดมาจากแผงหน้าปัดก็คือหน้าจอข้อมูลหลักซึ่งเป็นครั้งแรกที่เป็นจอสัมผัส ทำให้ผู้ขับสามารถเลือกฟังก์ชันต่าง ๆ ดูแผนที่ และตั้งค่ารถยนต์ได้อย่างสะดวกในขณะขับขี่ นอกจากนั้นยังสามารถควบคุมได้โดยใช้คอนโทรลเลอร์สัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซีที่อยู่คอนโซลกลางพร้อมกับปุ่ม “Off-Road” ปุ่มควบคุมการลงเนิน และปุ่มควบคุมความสูงของช่วงล่าง
ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน จึงเป็นรถยนต์ที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลกในรถยนต์กลุ่มนี้
อุปกรณ์อื่น ๆ ได้แก่ ไนท์วิชชันและวิชชันแอสซิส (Night Vision and Vision Assist) ซึ่งมีระบบแจ้งเตือนสัตว์ป่าและคนเดินเท้าทั้งกลางวันและกลางคืน ผู้ช่วยความตื่นตัว (Alertness Assistant) ซึ่งเป็นระบบกล้อง 4 ตัว ที่ให้มุมมองรอบทิศ ทัศนวิสัยที่ครอบคลุม รวมถึงภาพมุมสูง แอคทีฟครูซคอนโทรล (Active Cruise Control) แจ้งเตือนการปะทะ (Collision Warning) แจ้งเตือนการจราจรโดยรอบ (Cross-Traffic Warning) แจ้งเตือนการเปลี่ยนช่องทางเดินรถ (Lane Departure and Lane Change Warning) การแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า ความละเอียดสูงขนาด 7×3 WiFi Hotspot และแน่นอนว่ามีระบบนำทางและระบบเครื่องเสียงรุ่นล่าสุด
ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถือพวงมาลัยก็จะได้เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันสวยงามท่ามกลางความหรูหราและเงียบสงบ ด้วยที่นั่งสไตล์พาวิลเลียนของ โรลส์-รอยซ์ ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังจะอยู่สูงกว่าผู้ที่อยู่ด้านหน้าของรถ ทำให้สามารถเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้อย่างชัดเจนผ่านหน้าต่างข้างอันกว้างขวางและหลังคาแก้วอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรมของคัลลิแนน หากพวกเขาต้องการจะหาพิกัดของตัวเองหรือพิกัดของสถานที่ที่เพิ่งค้นพบล่าสุด ก็สามารถดูได้จากจอทัชสกรีนสำหรับเบาะด้านหลัง
ผู้เดินทางสามารถวางใจได้ว่าจะไม่พลาดการถ่ายรูปในทุกโอกาสเนื่องจากสามารถชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ผ่านพอร์ตยูเอสบีรอบ ๆ ห้องโดยสาร อีกทั้งยังสามารถชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายที่ด้านหน้าของห้องโดยสาร เมื่อเดินทางมาถึงจุดที่ไม่เคยมีใครพบมาก่อน พวกเขาก็พร้อมที่จะลงไปเพลิดเพลินไปกับการเติมเต็มประสบการณ์ชีวิตอย่างเต็มที่
และถึงแม้ว่าในการเดินทางไปยังสถานที่ที่ห่างไกล คัลลิแนนจะเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นและโคลน แต่กางเกงของผู้โดยสารก็จะไม่เปื้อนในขณะก้าวออกจากรถเนื่องจากมีนวัตกรรมอีกชิ้นหนึ่งของ โรลส์-รอยซ์ ประตูทั้งบานหน้าและหลังได้ถูกออกแบบมาให้ห่อหุ้มธรณีประตูของ คัลลิแนน ซึ่งเป็นการทำให้แน่ใจว่าฝุ่นจะอยู่ภายนอกประตูและไม่ติดอยู่บนธรณีประตูเหมือนกับรถส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ นี่คือฟีเจอร์ที่มีเพียง โรลส์-รอยซ์ เท่านั้นที่คำนึงถึง
วิศวกรรมของแท้จาก โรลส์-รอยซ์ ทุกแห่งทั่วโลก
กุญแจสำคัญของการสร้างสรรค์รถยนต์อเนกประสงค์ โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน เอสยูวี คือ สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรา (Architecture of Luxury) โครงสร้างอลูมิเนียมที่เป็นสิทธิบัตรของโรลส์-รอยซ์
สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหรามีประโยชน์อย่างมากในการสร้างสรรค์คัลลิแนน ทีมวิศวกรที่อยู่เบื้องหลัง คัลลิแนน ได้ปรับสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราให้เข้ากับการออกแบบรถยนต์แบบยกตัวถังสูงตามแม่แบบของเทย์เลอร์และทีมออกแบบของเขา ซึ่งเป็นไปได้เพราะความยืดหยุ่นของสถาปัตยกรรม
มันเป็นสถาปัตยกรรมที่ถูกออกแบบและสร้างขึ้นจากศูนย์และมีรูปแบบที่สามารถปรับแต่งขนาดและน้ำหนักให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ เพื่อรองรับการผลิตโรลส์-รอยซ์รุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคต รวมไปถึงรุ่นที่มีแรงขับ แรงฉุด และระบบควบคุมที่แตกต่าง ซึ่งเป็นการปูพื้นให้กับแผนการสร้างสรรค์สินค้าใหม่ ๆ ของแบรนด์ในระยะยาว
คัลลิแนนนำสถาปัตยกรรมใหม่มาใช้ในรูปแบบที่แตกต่างเพื่อมอบการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ความสะดวกสบายสูงสุด พื้นที่ใช้สอยที่เป็นประโยชน์ รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดและความสามารถในการขับเคลื่อนได้ทั้งบนพื้นเรียบและพื้นขรุขระที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนประกอบพื้นฐานของสถาปัตยกรรมนี้ได้ถูกนำไปปรับแต่งเข้ากับโครงสร้างที่สูงขึ้นแต่ต่ำกว่า บวกกับการใส่ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในสายการผลิตของ โรลส์-รอยซ์ นั่นก็คือกระโปรงหลัง
โครงสร้างย่อยที่เป็นอลูมิเนียมทั้งหมดให้ความแข็งแกร่งทนทานจึงทำให้เป็นผู้นำในด้านสมรรถภาพการขับขี่ในเส้นทางอันขรุขระความสะดวกสบายในการขับขี่ที่เหนือชั้นกว่า
พรมวิเศษวิ่งออฟโรด
การผสมผสานเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้ากับสถาปัตยกรรมคือกุญแจสำคัญด้านคุณภาพของ คัลลิแนน ซึ่ง ขับสบาย.. ไปทุกที่ ทีมวิศวกรได้เริ่มต้นด้วยการสร้างเพลาขับที่ทำให้ โรลส์-รอยซ์ วิ่งออฟโรดได้นิ่มเหมือนกับขี่พรมวิเศษ
“ระบบเพลาขับที่เราได้ออกแบบมาสำหรับ คัลลิแนน มีหน้าที่สำคัญอย่างเดียว ซึ่งก็คือการทำให้รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ขับขี่ได้นิ่มนวลเหมือนนั่งบนพรมวิเศษในทุกสภาพเส้นทาง ในขณะที่ทำให้แน่ใจว่าสามารถขับขี่ตามท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์” แคโรไลน์ คริสเมอร์ หัวหน้าโครงการวิศวกรรมของคัลลิแนน กล่าว
การขับขี่ที่นุ่มนวลดังนั่งบนพรมวิเศษของ โรลส์-รอยซ์ ได้สร้างความประทับใจให้กับทั้งผู้ที่นิยมการตะลุยออฟโรดและผู้ที่นิยมการโลดแล่นไปตามท้องถนน เนื่องจากความเบาของโครงสร้างและระบบช่วงล่างที่ปรับความสมดุลอัตโนมัติ เราได้ทำการออกแบบและพัฒนาระบบหน่วงการสั่นสะเทือนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มขนาดก้านถุงลมเพื่อให้มีปริมาตรอากาศสูงขึ้นเพื่อรับแรงกระแทกจากเส้นทางที่ขรุขระที่สุด และเราได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเพลาขับและเพลากลาง รวมถึงการใช้ระบบขับเคลื่อนทั้งล้อหน้าและล้อหลังเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโรลส์-รอยซ์ นอกจากนั้นเรายังได้ออกแบบเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V12 ขนาด 6.75 ลิตร ของโรลส์-รอยซ์ใหม่ให้กำเนิดแรงบิดในระดับที่เหมาะสม (850Nm) ณ รอบต่ำสุด (1,600rpm) ทีมวิศวกรของ โรลส์-รอยซ์ ได้รังสรรค์สมรรถนะของสถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราให้สามารถพาผู้ขับขี่รถยนต์ โรลส์-รอยซ์ ยุคใหม่ไปยังทุกหนแห่งอย่างหรูหรา
ระบบช่วงล่างจะทำการคำนวณหลายล้านครั้งต่อวินาทีเพื่อส่งสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ไปปรับสมดุลให้กับระบบตัวหน่วงการสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง โดยการตอบสนองต่อน้ำหนักผู้ขับขี่ อัตราการเร่ง การบังคับพวงมาลัย และข้อมูลจากกล้อง
เพลาหน้าดับเบิลวิชโบนและเพลาหลัง 5 ลิงก์แบบใหม่ทำให้สามารถควบคุมแรงเฉี่อยในการเข้าโค้งได้อย่างนุ่มนวล ทำให้มีความคล่องตัวสูงและเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม บวกกับพวงมาลัยควบคุมสี่ล้อ ทั้งหมดนี้ทำให้เป็นรถที่มีสมรรถนะในการขับขี่ที่เป็นเลิศในขณะที่ผู้โดยสารนั่งได้อย่างสบายไม่ว่าสภาพเส้นทางจะเป็นอย่างไร
ในกรณีที่ขับขี่ออฟโรด ระบบปรับหน่วงแรงที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์จะให้ระบบอัดอากาศดันล้อที่ไม่เกาะถนนลงไปด้านล่างเพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าล้อทุกล้อสัมผัสกับพื้นและได้รับแรงบิดอย่างเต็มที่
“กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ สิ่งที่ทำให้รถมีสมรรถนะเป็นเลิศในท้องถนนคือสิ่งที่ทำให้รถมีสมรรถนะเป็นเลิศออฟโรด” คริสเมอร์ กล่าวสรุป
องค์ประกอบสุดท้ายที่ทำให้ โรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน ขับสบาย… ไปทุกที่ ก็คือปุ่ม ๆ เดียว ปุ่มนี้เป็นที่รู้จักกันใน โรลส์-รอยซ์ ว่า ‘ปุ่มทุกที่’ เป็นปุ่มเดียวที่ใช้ควบคุมพลังทั้งหมดของวิศวกรรม โรลส์-รอยซ์ และปลดปล่อยสมรรถนะการขับขี่ออฟโรดอันน่าทึ่งของ คัลลิแนน
เมื่อใช้ปุ่มนี้ ผู้ขับจะสามารถปรับการตั้งค่าออฟโรดให้สามารถรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางขรุขระ ก้อนกรวด หญ้าเปียก โคลน หิมะ หรือทราย ด้วยแรงบิด 850Nm ทั้งสี่ล้ออย่างต่อเนื่อง และเมื่อต้องผจญกับหิมะหนา ทราย หรือจำเป็นต้องใช้แรงม้า คัลลิแนน สามารถลุยน้ำได้ลึกที่สุดเมื่อเทียบกับรถอเนกประสงค์ประเภทหรูหราอื่น ๆ เนื่องจากสามารถยกระดับขึ้นได้ถึง 540 มม.
การออกแบบสิ่งที่ทรงพลัง
“การออกแบบรถอเนกประสงค์ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเหมือนกันไปหมดและไร้เอกลักษณ์” ไกล์ เทย์เลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบของ โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส กล่าว “รถอเนกประสงค์ในทุกวันนี้หมายถึงรถอะไรก็ได้ที่มีรูปทรงเป็น Two-box ซึ่งดูไม่เชื้อเชิญให้ออกไปขับนอกถนนเลย เราได้จินตนาการถึงรถอเนกประสงค์ประเภทยกตัวถังสูงที่มีการออกแบบที่ไม่ธรรมดา และมีสมรรถนะที่สามารถตอบสนองจิตวิญญาณในการผจญภัยของลูกค้าของเรา และเพื่อสืบสานมรดกอันเกรียงไกรของเรา เราจึงสร้าง คัลลิแนน ขึ้นมา”
สถาปัตยกรรมแห่งความหรูหราคือรากฐานของคัลลิแนน ด้วยรากฐานนี้ เทย์เลอร์กับทีมออกแบบของเขาได้ออกแบบรถยนต์ที่เขามั่นใจว่าจะสามารถตอบรับความคาดหวังของผู้สนับสนุน โรลส์-รอยซ์ ด้วยการออกแบบระดับตำนาน สัดส่วนของ โรลส์-รอยซ์ ที่เหมาะสมทั้งในและนอก และความหรูหราอย่างสมบูรณ์แบบ
ความแข็งแกร่งและทรงพลังจะเปล่งประกายเจิดจรัสที่ใบหน้าของคัลลิแนน ฟีเจอร์หลัก ๆ เช่นโคมไฟและกระจังหน้านั้นถูกฝังลงไปในตัวถัง ในขณะที่เส้นแนวตั้งและแนวระนาบสร้างความรู้สึกอันทรงพลัง ประกอบกับหน้าผากที่ละม้ายคล้ายคลึงกับนักรบชาวแซกซอน จากลายเส้นที่ลากตลอดส่วนบนของกระจังหน้าทรงแพนธิออนและโคมไฟสำหรับขับขี่ตอนกลางวันที่มีรูปทรงเหมือนคิ้ว การออกแบบนี้ทำให้ส่วนหน้าของ คัลลิแนน ดูน่าเกรงขาม
กระจังหน้าได้ถูกสร้างขึ้นมาจากสแตนเลสขัดด้วยมือ สำหรับ คัลลิแนน แล้ว มันจะดูโดดเด่นกว่าบริเวณรอบ ๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ช่วยดันมันขึ้นไปด้านหน้า ด้วยตราสัญลักษณ์ โรลส์-รอยซ์ ที่มีสัญลักษณ์ สปิริต ออฟ เอ็กสตาซี (Spirit of Ecstasy) อันสง่างามเด่นอยู่เหนือระดับของปีกทำให้เป็นมุมมองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ถัดจากส่วนหน้าของ คัลลิแนน จะมีเส้นแนวตั้งที่ลากมาจากเสากระจกหน้าไล่ไปตามขอบกระโปรงรถ แล้วดิ่งลงมาขนาบข้างกระจังหน้าแล้วลงมาจนถึงแผ่นกันเครื่องด้านล่าง ซึ่งเน้นให้เห็นความสูงและเอกลักษณ์อันโดดเด่นของรถ
จากด้านข้างของ คัลลิแนน จะเห็นถึงความมุ่งมั่นได้อย่างชัดเจน นี่เป็นสไตล์การออกแบบด้านข้างกระโปรงรถทรงยาวที่เป็นเอกลักษณ์ของ โรลส์-รอยซ์ ตำแหน่งของกระโปรงรถจะอยู่สูงกว่าปีกของรถซึ่งแสดงถึงความแข็งแกร่งน่าเกรงขาม
จากนั้นลายเส้นจะพุ่งขึ้นไปตามเสากระจกหน้าและเลาะตามขอบบนเพื่อเน้นให้เห็นความสูงของ คัลลิแนน ซึ่งสูงได้ถึง 1,836 มม. และลงตัวกับสัดส่วนของกระจกและโลหะเมื่อมองจากด้านข้าง จากบริเวณเหนือเสากลาง ลายเส้นของหลังคาจะพุ่งไปที่กระจกหลังอย่างโฉบเฉี่ยวซึ่งลงตัวกับฝากระโปรงหลังที่ออกแบบมาให้ละม้ายคล้ายคลึงกับ โรลส์-รอยซ์ ดีแบ็ค (D-Back) ในยุคปี ค.ศ. 1930 ซึ่งเป็นสไตล์คลาสสิครุ่นสุดท้ายที่มีชั้นเก็บสัมภาระที่ด้านนอกของรถ