ผลสำรวจคนไทย 44% เลือกรถยนต์พลังไฟฟ้าเป็นรถคันต่อไป
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เข้าร่วมงานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย 2561 (Sustainable Energy Technology Asia หรือ SETA) เพื่อนำเสนอแนวโน้มและอนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย รวมถึงตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มร.ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายข้อมูลจากผลงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) จากความร่วมมือระหว่าง นิสสัน และฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) องค์กรที่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก
นิสสันร่วมกับฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ทำการวิจัยเกี่ยวกับ อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีกลุ่มตัวอย่างจากประเทศไทย 300 คน โดยผลงานวิจัยเผยให้เห็นว่ปัจจุบันมีผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอยู่น้อย แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่รับรู้เกี่ยวกับข้อแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีมากมาย อาทิ รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ (BEV) รถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด (PHEV) รถยนต์ไฮบริด (Full Hybrid) และรถยนต์นิสสัน อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นต้น
“สำหรับประเทศไทย รายงานระบุว่า ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีสูงถึงร้อยละ 44 ผู้ที่ตอบแบบสอบถามเห็นว่า พวกเขาจะพิจารณารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในการวางแผนเพื่อซื้อรถคันต่อไป”
การวิจัยยังพบว่าผู้คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมจะมีผลต่อความสนใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีความตั้งใจที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งผู้ที่จะเป็นลูกค้าพร้อมที่จะจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เพื่อครอบครองรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากกว่ารถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป
“นี่ถือเป็นสิ่งที่บอกได้อย่างชัดเจนว่า ประเทศไทยพร้อมสำหรับอนาคตที่ยั่งยืน และนิสสันมีความพร้อมในการนำเสนอรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนไทย”
ปัจจัยสำคัญในกาก้าวสู่ยุคของการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย คือ การมีมารตรฐานความปลอดภัย การได้รับความในการชาร์จไฟฟ้า รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่ไม่สูงมาก
ซึ่งเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจ ที่ผลการสำรวจระบุให้ปัจจัยของ “คะแนนความปลอดภัยขั้นสูงสุดหรือระดับ 5 ดาว” เป็นสิ่งที่อยากได้มากที่สุดหากจะซื้อ หรือเช่าซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า โดยร้อยละ 62 ของผู้เข้าร่วมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อยู่ในสามอันดับแรก ในขณะที่ร้อยละ 58 มองหา “การใช้เวลาที่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้เต็ม”
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาพบว่า ผู้เข้าร่วมบางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ทำให้เป็นอุปสรรคในการตัดสินใจเลือกรถยนต์พลังงานไฟฟ้า สำหรับนิสสัน มี ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก ด้วยยอดจำหน่ายมากกว่า 340,000 คันทั่วโลก ตั้งแต่ออกสู่ตลาดในปี พ.ศ. 2554 บริษัทฯ จึงมีข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่พร้อมจะแบ่งปันให้กับผู้ที่สนใจ
“นิสสัน ประเทศไทย มีวิสัยทัศน์ที่จะสนับสนุน อนาคตของการขับขี่ที่ยั่งยืน เรามีความมุ่งมั่นอย่างสูงที่จะพลิกโฉมรูปแบบการขับขี่ และการใช้ชีวิตของทุกคน โดยเราตั้งใจสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยการให้ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้คนมากมายหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” มร.แกลลี กล่าวเสริม
งานมหกรรมพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย หรือ SETA ได้รวบรวมผู้คนมากมายจากหลากหลายอุตสาหกรรมเพื่อพูดคุย และแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน ส่วนสำคัญของงานคือการอภิปรายเรื่องเทคโนโลยีด้านพลังงาน ซึ่งนิสสันถือป็นผู้นำในเรื่องนี้ของอุตสาหกรรมยานยนต์
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาสังคมแบบยั่งยืน นิสสัน คือผู้นำในเรื่องนวัตกรรมด้านพลังงานและเทคโนโลยี โดยเห็นได้ชัดจากการสร้างยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยภายใต้แนวคิด นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility)