อาลีบาบา กรุ๊ป เปิดตัว Smart Online SMEs Plus ต่อยอดผู้ประกอบการการค้าออนไลน์
อาลีบาบา กรุ๊ป จับมือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมเปิดตัวโครงการต่อยอดการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการการค้าออนไลน์ หรือ Smart Online SMEs Plus (S.O.S+) เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยเข้าถึง e-marketplace ชั้นนำจากทั่วโลก โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี ณ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่
ทีมอลล์ของอาลีบาบา กรุ๊ป แพลตฟอร์มสำหรับแบรนด์และผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เป็นหนึ่งใน e-marketplace ที่ร่วมสนับสนุนให้ธุรกิจไทยเข้าถึงตลาดต่างประเทศผ่านทางโครงการดังกล่าว โดยมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตลาดอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ของจีน ผ่าน ทีมอลล์ โกลบอล อีกหนึ่งช่องทางจากทีมอลล์ที่รองรับแบรนด์และผู้ค้าปลีกที่ไม่มีกิจการตั้งอยู่ในประเทศจีน โดยผู้ประกอบการไทยสามารถนำเสนอสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคกว่า 500 ล้านคนต่อปี (ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560) ร่วมกับแบรนด์อื่น ๆ อีก 16,400 แบรนด์ จาก 68 ประเทศและภูมิภาค
นายเร็กซ์ เฌิก ผู้อำนวยการด้านการพัฒนาธุรกิจของทีมอลล์ โกลบอล กล่าวว่า “ตลาดค้าปลีกของประเทศจีนมอบโอกาสที่แบรนด์ทั่วโลกต่างมองหา โดยปัจจุบัน ผู้บริโภคจีนกว่า 40% เลือกซื้อสินค้านำเข้าจากต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ จึงทำให้ ทีมอลล์ โกลบอล พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทยในการยกระดับธุรกิจสู่อีกขั้นด้วยอีคอมเมิร์ซ ความร่วมมือในโครงการ S.O.S+ นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของอาลีบาบาภายใต้จุดมุ่งหมายของเรา ในการสนับสนุนให้ทุกคนสามารถทำธุรกิจได้อย่างสะดวกสบาย ทุกที่ ทุกเวลา”
นอกจากการเติบโตของยอดขายแล้ว ทีมอลล์ โกลบอล ยังช่วยส่งเสริมให้ผู้ค้าสร้างแบรนด์ของตนให้เป็นที่รู้จักในประเทศจีนด้วยกลไกในการเชื่อมโยงกับลูกค้าหลายรูปแบบ ตั้งแต่ข้อเสนอพิเศษสำหรับสินค้า และโปรโมชั่นในแอปพลิเคชั่น ไปจนถึงกิจกรรมอินเทอร์แอ็คทีฟในรูปของเกม หรือแม้กระทั่งการถ่ายทอดสดออนไลน์ (livestreaming) โดยดาราชื่อดัง นอกจากนี้ ทีมอลล์ โกลบอล ยังจัดพื้นที่พิเศษบนแพลตฟอร์ม หรือ “พาวิลเลียน” ให้กับตลาดต่างชาติ รวมทั้งหมด 17 ประเทศ เพื่อนำเสนอสินค้าคุณภาพจากผู้ค้าของแต่ละประเทศ โดยหนึ่งในนั้นคือ ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ของประเทศไทย https://thailand.tmall.com/
กิจกรรมภายใต้โครงการ S.O.S+ จะดำเนินการใน 3 จังหวัดทั่วประเทศไทย เริ่มด้วยการเปิดตัวโครงการในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ทีมอลล์จะให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับโอกาสในโลกอีคอมเมิร์ซของประเทศจีน พร้อมข้อแนะนำสำหรับผู้ค้าไทยที่ต้องการเข้าสู่ตลาดจีน หลังจากนี้ จะมีการจัดกิจกรรมต่อที่จังหวัดเชียงใหม่และขอนแก่นในช่วงปลายเดือนนี้ สำหรับไฮไลท์ของโครงการ ได้แก่กิจกรรมการเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business matching) ระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้แทนการค้าจาก e-marketplace ที่มีชื่อเสียง รวมถึงช่วงพูดคุยโดยทีมอลล์ในวันที่ 20 มีนาคม 2561
นายเร็กซ์ กล่าวอีกว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและผู้ประกอบการไทยด้วยการแบ่งปันประสบการณ์และมอบโอกาสการจับคู่ธุรกิจ ความร่วมมือของเราในโครงการ S.O.S+ เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของอาลีบาบาในการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศไทย ให้สามารถทำตลาด สร้างยอดขาย และดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและทักษะที่เหมาะสม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้แบ่งปันความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการไทยเพิ่มเติมอีกในอนาคตอันใกล้นี้”
อาลีบาบา กรุ๊ป ได้เดินหน้าผลักดันศักยภาพของผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่องด้วยกิจกรรมและความร่วมมือมากมาย ทั้งกับหน่วยงานจากภาครัฐและเอกชน โดยเมื่อปี 2559 อาลีบาบาได้ลงนามจดหมายแสดงเจตจำนงกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนโครงการอบรมสำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านอีคอมเมิร์ซและระบบการจัดการขนส่ง ในเวลาต่อมา อาลีบาบาได้นำความเชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซระดับโลกมาแบ่งปันให้กับผู้ประกอบการไทย ผ่านหลักสูตรอาลีบาบา โกลบอล คอร์ส ที่มุ่งให้ธุรกิจ SME มีความเข้าใจเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น รวมถึงได้รับข้อแนะนำในการพัฒนาธุรกิจและทรัพยากรบุคคล
เมื่อปลายปีที่แล้ว ทีมอลล์ได้ต่อยอดความร่วมมือกับธุรกิจไทยด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท เอเซีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของประเทศไทย และผู้ผลิตข้าวเบญจรงค์ เพื่อขยายการผลิตข้าวหอมมะลิในจังหวัดอุบลราชธานีสำหรับการจัดจำหน่ายบนทีมอลล์และเหอหม่า ซูเปอร์มาร์เก็ตอัจฉริยะในประเทศจีน ในขณะที่ ไทยแลนด์ พาวิลเลียน บนแพลตฟอร์มทีมอลล์ยังสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าคุณภาพจากประเทศไทยให้กับผู้บริโภคชาวจีน ตั้งแต่ที่นอนยางพารา ผลิตภัณฑ์จากผลไม้ ไปจนถึงเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม