โฮมไพร์ส เปิดตัว PropTech สุดล้ำครั้งแรกของเอเชีย
ครั้งแรกของเอเชีย กับการเปิดตัว PropTech (Property Technology) สุดล้ำ โดย โฮมไพร์ส (Homeprise) แพลตฟอร์มกลางของวงการตกแต่งบ้าน และแหล่งรวมสินค้าเพื่อการแต่งบ้านทุกชนิดกว่า 50 แบรนด์ มาพร้อมกับเทคโนโลยี 3D Interactive ล่าสุด ทั้ง Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) ครั้งแรกของการแต่งบ้านด้วยแอปพลิเคชั่นบนมือถือผ่าน Homeprise (iOS และ Android ) และ Homeprise REAL (เฉพาะ iOS) อีกทั้งยังเป็น Design Service Hub แหล่งรวมดีไซเนอร์ด้านนักออกแบบตกแต่งภายในที่มี Cloud Design Technology ช่วยสนับสนุนการทำงานอย่างมืออาชีพ เพื่อสร้างโซลูชั่นใหม่ครบวงจร ให้การออกแบบและตกแต่งบ้าน สวย สะดวก งบไม่บานปลาย
นายพรชัย แสนชัยชนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมไพร์ส จำกัด เปิดเผยว่า โฮมไพร์ส (Homeprise) เริ่มต้นจากการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีความหลงใหลในเทคโนโลยี และการแต่งบ้าน เพื่อสร้างโมเดลธุรกิจที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเอเชีย ให้คนทั่วไปสามารถแต่งบ้านเองได้อย่างง่ายดาย ผ่านแพลตฟอร์มที่มีทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อดีไซเนอร์ทั่วประเทศเข้ากับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการแต่งบ้านได้จากทุกที่ รวมเข้ากับแพลตฟอร์มของแต่งบ้านทุกชนิดจากผู้ผลิต และผู้นำเข้าตัวจริงทั่วประเทศ โดยทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่นของ Homeprise ทำให้การออกแบบตกแต่งบ้านมีทางเลือกมากขึ้น ควบคุมง่ายขึ้น เข้าถึงง่ายขึ้น และรวดเร็วขึ้น
สำหรับแพลตฟอร์มของ Homeprise จะเป็นประโยชน์ให้แก่ 4 กลุ่มหลัก ดังนี้ 1. ผู้ที่ต้องการแต่งบ้าน หรือคอนโด– ช่วยให้การแต่งบ้านง่ายและสวยขึ้น ในงบประมาณที่ควบคุมเองได้จริง 2. ผู้ผลิต ผู้นำเข้า หรือผู้ออกแบบเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านทั่วประเทศ โดยเฉพาะ SMEs- มีช่องทางใหม่ในการขายสินค้าในยุค e-commerce 4.0 เป็นเครื่องมือทางการตลาดสุดล้ำที่ทัดเทียมบริษัทใหญ่ ที่ได้ทั้งภาพลักษณ์ และผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างไม่เคยมีมาก่อน ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลหน้าร้าน หรือออกร้านแบบเดิมๆ รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าตัวจริงมากขึ้น 3. ดีไซเนอร์ นักออกแบบ และมืออาชีพทุกสาขาที่เกี่ยวกับบ้าน- โฮมไพร์สได้คิดค้นเทคโนโลยีช่วยการออกแบบโดยเฉพาะ ทำให้ทำงานออกแบบได้สะดวกรวดเร็วขึ้น มีระบบฐานข้อมูลสินค้าที่ผลิตจำหน่ายจริง ส่งมอบได้จริง ทำให้การสเปคสินค้าหรือออกแบบมีความแม่นยำขึ้น ลดเวลาแก้ไขงานจากการหาสินค้าตามไอเดียที่ออกแบบไปแล้วไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นช่องทางใหม่ในการเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการมืออาชีพในการออกแบบได้อย่างแท้จริง และ 4.ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ- สามารถใช้แพลตฟอร์ม Homeprise เข้าไปช่วยงานบริการลูกค้า ทั้งบริการหลังการขาย และการส่งเสริมการขาย อาทิ สร้าง Exclusive Interior Service
ขณะนี้ โฮมไพร์ส ได้มีพันธมิตรร้านค้ากว่า 50 แบรนด์ จำนวนสินค้า มากกว่า 4,000 รายการ ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าเกี่ยวกับบ้าน อาทิ ชุดครัว Starmark, ผลิตภัณฑ์และสุขภัณฑ์ Mogen, เฟอร์นิเจอร์ LIFESTYLE, Philos, Niiq, DEMA, PDM, Filobula, Son’Amore, Hawaii Thai, Tokyo Parawood, Fur-9, กระเบื้อง Duragress, ผลิตภัณฑ์ Pasaya, ที่นอนOmazz, Lotus, Dunlopillo และ Simmons เป็นต้น โดยที่ผ่านมาได้ช่วยออกแบบแพ็กเกจแต่งบ้านให้ลูกบ้านโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ มากกว่า 30 โครงการ และในปีนี้จะเพิ่มความร่วมมือมากขึ้นในระดับ B2B และกลุ่ม Developer 10 อันดับต้นของประเทศไทย ล่าสุดได้ร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายแห่งในการออกแบบแพ็กเกจแต่งบ้านให้ลูกบ้านโครงการ อาทิ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) เพื่อช่วยบริการลูกบ้านในทุกโครงการให้เข้าถึงประสบการณ์ใหม่ของ Digital Home Decoration
สำหรับแอปพลิเคชั่น Homeprise ครั้งแรกของการแต่งบ้านสวยบนมือถือ ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR)ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ผ่าน 2 แอปพลิเคชั่น Homeprise (iOS และ Android) และ Homeprise REAL (เฉพาะiOS) นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้บริการดีไซเนอร์มืออาชีพในการช่วยออกแบบตกแต่งบ้านได้อีกด้วย รวมทั้ง Homeprise ตอบโจทย์ความง่ายและสะดวก ด้วยการดีไซน์แพ็กเกจของแต่งบ้าน เพียงลูกค้าเลือกโครงการหรือแปลนบ้านของตัวเอง ก็จะสามารถเลือกบ้านดีไซน์สวยยกเซ็ตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสสินค้าด้วยตัวเอง ก็สามารถเข้าไปชมและเลือกสรรได้ที่ Homeprise Design Studio อาคาร STWO (เอสทู) CDC (คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์) เลียบททางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ อีกด้วย
ด้านผลประกอบการของบริษัท ฯ ในปี 2560 มียอดขายรวมอยู่ที่ 40 ล้านบาท โดยปี 2561 มุ่งเดินหน้าธุรกิจด้วยกลยุทธ์แบบ O2O (Online-to-Offline) โดยตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งสิ้นอยู่ที่ 400 ล้านบาท และในเดือนพฤษภาคมนี้ จะมีการระดมทุนขยายงานผ่าน ICO (Initial Coin Offering) มูลค่ารวม 15-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาลงทุนพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งนับว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ
เพื่อบุกตลาดอาเซียน และจีนต่อไป