“พาณิชย์” เดินหน้าผลักดันแผนพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ฯ
“พาณิชย์”เดินหน้าเพิ่มมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เท่าตัวจาก 2.5 ล้านล้านบาทเป็น 5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี เตรียมลุยช่วยผู้ประกอบการไทยโกอินเตอร์ค้าขายผ่านแพลตฟอร์มระดับโลก เผยไตรมาสแรกปีนี้ จัดแมชชิ่งกับ TMALL บริษัทลูกอาลีบาบา พร้อมดันเข้าอีมาร์เก็ตเพลสชั้นนำ ทั้ง Amazon , eBay และเว็บค้าออนไลน์ในแอฟริกา เกาหลี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระบุยังมีแผนดัน SMEs เข้าค้าขายใน thaitrade.com เพิ่มขึ้นด้วย
นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประชุมระดมสมองและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 1 (พ.ศ.2560-2564) ตามนโยบายที่ได้รับจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำอีคอมเมิร์ซมาช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับเป้าหมายการผลักดันให้มูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากมูลค่า 2.5 ล้านล้านบาท เป็น 5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
โดยแผนพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ได้กำหนดแนวทางการทำงานไว้ 4 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.เสริมสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานเจ้าภาพ2.เสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำ e-Commerce และอำนวยความสะดวกทางการค้าสู่สากล โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ 3.เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพปัจจัยสนับสนุน โดยสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ และ 4.สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ซื้อและผู้ขาย โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA เป็นหน่วยงานเจ้าภาพ
นางจันทิรา กล่าวว่า สำหรับแผนการทำงานในส่วนของกรมฯ เพื่อผลักดันมูลค่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ให้เพิ่มขึ้น จะทำงานร่วมกับบริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ SMEs ของไทย ตั้งแต่ระดับฐานรากจนถึง SMEs ที่สามารถส่งออกได้ ให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินการไปแล้ว และจะดำเนินการต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงการจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและ บริษัท TMALL Global ซึ่งเป็นบริษัทภายใต้บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด ในไตรมาสแรกของปี 2561 เพื่อผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเจาะตลาดอีคอมเมิร์ซในจีน ซึ่งมีมูลค่าอันดับหนึ่งของโลกได้อย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ กรมฯ มีแผนที่จะร่วมมือกับ e-Marketplace ชั้นนำระดับโลกอื่น ๆ เช่น Amazon และ eBay และ e-Marketplace ในตลาดศักยภาพอื่นๆ เช่น GoSoko (ชื่อเดิมคือ GMarket Africa) ในแอฟริกา Coupang ในเกาหลีใต้ และSouq.com ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อการผลักดันให้สินค้าและบริการไทยไปปรากฏอยู่บน e-Marketplace ชั้นนำดังกล่าว โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความสนใจสูง ได้แก่ สินค้าสปา สินค้าเสื้อผ้า สินค้าเครื่องประดับ สินค้าอาหารสำเร็จรูป และขนมขบเคี้ยว
ขณะเดียวกัน กรมฯ จะพัฒนาระบบและต่อยอดการให้บริการเว็บไซต์ Thaitrade.com โดยจะเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการให้เข้าไปขายสินค้าในเว็บไซต์ให้มีเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs จากปัจจุบันที่มีจำนวนสมาชิกผู้ขายกว่า22,754 ราย ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่มีความพร้อมในการส่งออกสินค้า และมีจำนวนสมาชิกผู้ซื้อจากทั่วโลกถึง 159,614 ราย มีสินค้าและบริการที่หลากหลายแบ่งออกเป็น 52 หมวดหมู่สินค้า จำนวนกว่า 255,849 รายการ มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ 5,734,840 คน และเกิดการการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 5,567 คู่ โดยสร้างมูลค่าการค้าได้แล้วถึง 4,556 ล้านบาท