Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo Driving Experience 2018
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงาน “ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo Driving Experience 2018” โดยเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบสมรรถนะยนตรกรรมซาลูน 4 ประตูรุ่นใหม่ล่าสุด ณ สนามปทุมธานี สปีดเวย์
ปีเตอร์ โรห์เวอร์ กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากเผยโฉมครั้งแรก ณ Thailand International Motor Expo 2017 ที่ผ่านมา Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo Driving Experience 2018 นี้ถือเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนไทยจะได้ทดลองขับ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) เพื่อพิสูจน์สมรรถนะอัดยอดเยี่ยมตลอดจนเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ภายใต้ซาลูนสุดหรูคันนี้ ผ่านสนามทดสอบสมรรถนะทั้ง 3 สถานี ได้แก่ สถานี Handling การทดสอบบังคับควบคุมรถ ซึ่งจะทดสอบการทรงตัวและการตอบสนองพวงมาลัยของรถอย่างรวดเร็ว สัมผัสความรู้สึกขณะขับขี่ในการตั้งค่า Porsche Active Suspension Management (PASM) รวมถึงสถานี Braking สร้างความมั่นใจและปลอดภัยได้ทุกสถานการณ์ด้วยระบบเบรกมาตรฐานจากปอร์เช่ และสุดท้าย สถานี Slalom ทดสอบความแม่นยำรวดเร็วของช่วงล่าง จากระบบอัจฉริยะของปอร์เช่ อาทิ Porsche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบช่วยเลี้ยวล้อหลังRear axle steering หรือระบบควบคุมตัวถัง Porsche 4D Chassis Control เป็นต้น
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) ที่สุดแห่งการออกแบบสุดหรูหราและล้ำสมัยด้วยรูปแบบที่นั่ง 4+1 พรั่งพร้อมด้วยความอเนกประสงค์ โดดเด่นด้วยฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่ปริมาตรความจุ 520 ลิตร และพนักพิงหลังบริเวณห้องโดยสารตอนท้าย สามารถพับเก็บและเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ถึง 1,390 ลิตร พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) คันนี้ ให้พละกำลังขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร) และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 56 กรัมต่อกิโลเมตร สนนราคา 9.5 ล้านบาท
ปอร์เช่ พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด สปอร์ต ทัวริสโม่ (Porsche Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo) (462 แรงม้า/ 362 กิโลวัตต์) อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 40 กิโลเมตรต่อลิตร (2.5 ลิตรต่อ100กิโลเมตร) อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 56 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า 15.9 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร