BenQ ฉายความร้อนแรงตั้งแต่ต้นปี เปิดตัวผู้บริหารหญิงคนแรกของไทย
บริษัท เบ็นคิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าด้านอุปกรณ์เครือข่ายดิจิตอล รวมถึงเทคโนโลยีด้านไอที และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จัดงานแถลงข่าว “BenQ…Because it matters” เปิดตัว นางสาวธัญรัก นาสมยนต์ ผู้จัดการใหญ่ เบ็นคิว ประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกของ BenQ ประเทศไทย พร้อมทั้งนำเสนอโซลูชั่นใหม่ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดภาคธุรกิจ (B2B) และภาคการศึกษา
มร.เจฟฟี่ เหลียง ประธานบริหาร เบ็นคิว เอเซีย แปซิฟิค คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า “ ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ DLP Projector ของ BenQ เป็นอันดับ 1 ทั่วโลก โดยได้รับรางวัล การันตีจาก Future Source Research ติดต่อกันทุกปี ทั้งในผลิตภัณฑ์ประเภท DLP 1080p Projector และ Short-Throw Projector ซึ่งนอกจากนี้ BenQ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย พร้อมรองรับ และครอบคลุมธุรกิจทุกขนาด ทั้งธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น ไปจนถึงธุรกิจขนาดกลาง และขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เรายังเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Dust Guard technology, IFP-Smart Eye Care & Germ-resistance และ Instashow (Plug-and-play) wireless presentation ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ที่ส่งผลให้ BenQ IFP เป็นแบรนด์ชั้นนำ ที่ได้รับรองโดย TÜVRheinland Certification ในเรื่องของการตัดแสงสีฟ้าและถนอมสายตาแบบ Flicker free รวมทั้ง SGS-CSTC Consumer Testing Services Shanghai ที่รับรองเรื่องจอภาพที่มีชั้นจอสามารถป้องกันแบคทีเรียจากมือสัมผัสได้ และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก อาทิ อันดับ 1 ในมาเลเซีย, อันดับ 2 ในออสเตรเลีย และอันดับ 3 ในนานาประเทศ ทั้งในแถบเอเชีย และยุโรป และในปีนี้ทำให้เรามองเห็นโอกาสอันดี ที่จะส่งมอบโซลูชั่นที่ยอดเยี่ยมนี้ให้แก่ตลาดในประเทศไทยเช่นกัน”
นางสาวธัญรัก นาสมยนต์ ผู้จัดการใหญ่ เบ็นคิว ประจำประเทศไทย เผยกลยุทธ์ทางการตลาด วิสัยทัศน์ และนโยบายในการพัฒนาส่วนต่างๆ เพื่อบุกตลาดให้ตรงจุด และส่งมอบความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าว่า “เรามุ่งเน้นการพัฒนาในทุกๆ ด้าน โดยเริ่มจากภายในองค์กร มีการพัฒนาขีดความสามารถ และความเชี่ยวชาญของบุคลากรให้ตรงจุด และตรงใจมากขึ้น ทั้งฝ่ายการตลาด ที่มุ่งมั่น คัดสรรผลิตภัณฑ์ให้ตอบรับกับความต้องการของตลาด และตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละ ไลฟ์สไตล์ได้มากยิ่งขึ้น, ฝ่ายขาย ที่พร้อมบุกตลาด เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รีเทลทั่วประเทศ, ฝ่ายเทคนิค พร้อมทีมเซอร์วิสที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ผ่านเบอร์ Call Center 0-2117-1420 ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น. พร้อม Voice auto message ที่ลูกค้าสามารถกดมาฟัง เพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ตลอด 24 ชั่วโมง และการให้บริการแบบ Onsite service ที่ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย อาทิ บริษัท สยามเทค แอนด์ ดีเวลล็อป จำกัด รวมทั้งสิ้น 13 จุดให้บริการทั่วประเทศ โดยให้บริการรับซ่อมเครื่อง ประมาณ 3 วันทำการ และหากประเมินความเสียหายแล้วต้องใช้ระยะเวลาในการซ่อมเกินกว่า 3 วัน จะมีเครื่องสำรองให้บริการระหว่างรอ
สำหรับการตั้งเป้าหมาย หรือยอดขายในปีนี้ เราจะเทียบกับฐานการตลาดของ BenQ ในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีเป้าหมายต้องการเติบโตขึ้นมากกว่าเดิม 50% โดยแบ่งสัดส่วนความสำคัญในการทำการตลาดเป็น LCD, Projector และ IFP ตามลำดับ ซึ่งนอกจากภาคธุรกิจ และการศึกษาแล้ว ในส่วนของลูกค้าบุคคล (B2C) เรายังมี Projector ที่รองรับความต้องการของลูกค้าที่มองหา ผลิตภัณฑ์สำหรับ Home Cinema และ Pro Cinema ด้วย”
คุณวัชรพงษ์ วงษ์มา ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ กล่าวถึงภาพรวมผลิตภัณฑ์ว่า “เรามั่นใจในความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการการันตีจากองค์กรระดับโลกอย่าง TÜVRheinland Certification, SGS-CSTC Consumer Testing Services Shanghai และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วโลก ได้แก่
Dust Guard technology: เทคโนโลยีป้องกันฝุ่น ที่ออกแบบ และเลือกใช้วัสดุในการผลิตทุกขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน ทั้งกระจกแบบนูน ไส้ในที่เป็นระบบปิด ปราศจากช่องว่างเพื่อป้องกันการตกค้างของฝุ่น พร้อมฝาครอบอีกชั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นเล็ดลอดเข้าสู่ภายในได้ จึงช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องได้สูงกว่า ทั้งยังช่วยให้คุณภาพสีไม่ลดลง แม้ใช้งานยาวนาน
IFP-Smart Eye Care & Germ-resistance: IFP หรือ Interactive Flat Panel ของ BenQ ซึ่งมีความโดดเด่นที่ไม่ใช่เพียงจอแก้วทั่วไป แต่ยังป้องกันแบคทีเรีย และเป็นจอกระจกที่มี Panel 2 ชั้น เคลือบทับด้วย Ionic Silver ซึ่งลดแสงสะท้อน (Anti-Glare) ลดการกระพริบของหน้าจอ (Flicker Free) และลดแสงสีฟ้า (Low Blue Light) เพื่อถนอมสายตาผู้ใช้งาน รวมทั้งมีเซนเซอร์ปรับลดแสงอัตโนมัติ เมื่อมีคนเดินเข้าใกล้ในรัศมี 120 องศา และภายในระยะไม่เกิน 1.5 เมตร ซึ่งเบ็นคิวเป็นรายเดียวที่นำเสนอผลิตภัณท์และนวัตกรรมเหล่านี้ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ ยังสามารถบันทึกทั้งข้อมูลบนจอภาพ และเสียง ระหว่างการเรียนการสอนได้
Instashow (plug-and-play) wireless presentation: BenQ นับเป็นรายแรกที่สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ แต่ละเครื่อง กับ Projector ได้แบบไร้สาย และสะดวกทันใจแบบ Plug-and-Play ซึ่งเพิ่มความคล่องตัวในการประชุม ให้แก่ห้องประชุมตั้งแต่ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลางได้เป็นอย่างดี
คุณสมบัติเหล่านี้ เสริมสร้างให้เรามีความมั่นใจในการสร้างสรรค์โซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจ และภาคการศึกษา จนเกิดเป็นโซลูชั่นสำหรับ Smart Classroom ที่เรามุ่งเน้นส่งเสริมให้เกิดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่สนุกขึ้น มีการสื่อสารแบบสองช่องทาง (Two way communication) สามารถเขียน และแชร์ได้ระหว่างนักเรียน และครูผู้สอน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการลดการใช้กระดาษ (Paperless) และลดการแบกหนังสือจำนวนมากของนักเรียนลงไปได้อีกด้วย
ด้านโซลูชั่นสำหรับ Smart Meeting room เรามุ่งเน้นการเชื่อมต่อไว ใช้ง่าย แชร์สะดวกทั้งไฟล์ภาพ และวีดีโอ โดยสามารถเชื่อมต่อพร้อมกันได้สูงสุดถึง 16 เครื่อง เพื่อให้ผู้ร่วมประชุมทุกคนสามารถมีส่วนร่วม และนำเสนองานกันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ”