เสริมศักยภาพครูช่าง ปั้นเด็กอาชีวะรองรับอุตสาหกรรม 4.0
“บรรยากาศในห้องเรียนก่อนหน้านี้ เด็กไม่สนใจเรียน ไม่ตั้งใจเรียน ไม่อยากเข้าเรียน เพราะคิดว่าวิทยาศาสตร์คงเต็มไปด้วยการคำนวน ต้องจำสูตรมากมาย พวกเขาไม่คิดว่าวิทยาศาสตร์จะนำไปใช้ประโยชน์ได้” คำบอกเล่าของครูเฟิร์น สุชาดา เค้าโคน ครูวิทยาศาสตร์แห่งวิทยาลัยเทคนิคแพร่ สะท้อนถึงปัญหาที่นักเรียนขาดแรงจูงใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เลือกมาเรียนเพราะขยาดการเรียนทฤษฎีและการท่องจำสูตรคำนวณต่าง ๆ ซึ่งเปรียบเสมือนยาขมสำหรับพวกเขา
จากการประเมินของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) พบว่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า ความต้องการแรงงานอาชีวะของประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านคน โดยเฉพาะในสายงานด้านไอทีและวิศวกรรม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์เศรษฐกิจดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยเชิงลึก โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) พบว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตขาดแคลนช่างเทคนิครุ่นใหม่ที่เพียบพร้อมทั้งทักษะความรู้ในการปฏิบัติงานเฉพาะทาง (hard skills) และทักษะทางด้านอารมณ์ (soft skills) อาทิ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การบริหารจัดการเวลาและการทำงานเป็นทีม และความสามารถในการคิดวิเคราะห์
เพราะบุคลากรสายอาชีพจะเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรม 4.0 ในอนาคต โครงการ “Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” จึงมุ่งพัฒนาการศึกษาสายอาชีพด้วยการเสริมศักยภาพให้กับบุคลากรครูผู้สอนในสถาบันอาชีวศึกษารู้จักกระบวนการเรียนการสอนแนวใหม่ที่ส่งเสริมให้นักเรียนสนใจและสนุกกับการเรียนวิทยาศาสตร์มากขึ้น เพื่อวางรากฐานการสร้างแรงงานรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
ครูเฟิร์น ครูอาชีวะรุ่นแรกที่ผ่านการอบรมครูต้นแบบจากศูนย์ TVET เล่าให้ฟังว่า “โครงการ Chevron Enjoy Science ได้มาจัดกิจกรรมค่ายวิชาการ STEM for TVET CAMP ที่วิทยาลัยเทคนิคแพร่ และได้รับความสนใจจากนักเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากค่ายฯ ได้เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้คิดสร้างสรรค์และประดิษฐ์อุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตัวเองตลอดสองวันเต็ม ซึ่งต่างจากค่ายวิชาการทั่วไป ความสำเร็จของกิจกรรมในครั้งนั้น ทำให้เราได้รู้จักและตระหนักถึงกระบวนการสอนแนวใหม่ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนเป็นศูนย์กลางในการเรียน ทำให้เด็กเกิดความสนุกและอยากมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น”
ต่อมา ครูเฟิร์นได้รับการคัดเลือกให้เข้าอบรมเพื่อเป็นครูต้นแบบในหลักสูตร Active Physics ซึ่งเป็นหลักสูตรสะเต็มศึกษาระดับสากลที่ออกแบบมาเพื่อสถาบันอาชีวศึกษาโดยเฉพาะ โดยเป็นหลักสูตรที่เน้นการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสอนแบบสืบเสาะโดยใช้โครงงานเป็นฐาน (a project-based inquiry approach) และแต่ละหัวข้อของกิจกรรมในหลักสูตรจะเริ่มต้นด้วยภารกิจที่ท้าทาย ที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยใช้วงจรการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Cycle) และความคิดสร้างสรรค์มาช่วยทำภารกิจในการทดลองให้สำเร็จ
“หลังจากที่ได้นำเทคนิคการสอนของหลักสูตร Active Physics มาประยุกต์ใช้ในห้องเรียน บรรยากาศในห้องเรียนเริ่มเปลี่ยนไป นักเรียนมีทัศนคติที่ดีขึ้นต่อวิชาวิทยาศาสตร์ เนื่องจากกิจกรรมของหลักสูตรได้เชื่อมโยงหลักวิทยาศาตร์เข้ากับชีวิตประจำวัน ทำให้นักเรียนมองเห็นภาพและคิดวิเคราะห์เชื่อมโยงได้ง่ายขึ้น จึงรู้สึกสนุกและอยากมีส่วนร่วมมากขึ้น” ครูเฟิร์นกล่าวพร้อมยกตัวอย่างกิจกรรมภายในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์อุตสาหกรรม ซึ่งให้นักเรียนได้ทำการทดลองโดยใช้สื่อการสอนของ Active Physics เพื่อเชื่อมโยงบทเรียนเรื่องความเคลื่อนที่เข้ากับอุปกรณ์เสริมสร้างความปลอดภัย ผลที่ตามมาคือ นักเรียนสามารถเชื่อมโยงทฤษฎีเข้าเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ทฤษฎีกฎของนิวตันกับการสวมหมวกกันน็อคและการขี่จักรยานยนต์ ทั้งยังสามารถคิดค้น ทดลอง และสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์เพื่อแก้โจทย์ปัญหา รวมถึงมีการถกเถียงแสดงความคิดเห็นกันภายในชั้นเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน”
นอกจากการนำหลักสูตร Active Physics มาปรับใช้ภายในชั้นเรียนของตนเองแล้ว ในฐานะครูต้นแบบของโครงการฯ ครูเฟิร์นยังมีภารกิจในการเป็นพี่เลี้ยงทางวิชาการเพื่อส่งต่อกระบวนการสอนแนวใหม่นี้ให้กับครูอาชีวศึกษาคนอื่น ๆ “สิ่งที่เราไปอบรมมาไม่ได้หยุดอยู่เพียงที่ตัวเองเท่านั้น ดิฉันได้นำความรู้ไปสอนนักเรียน และยังมีภารกิจในการเผยแพร่ส่งต่อเทคนิคการสอนที่ได้อบรมมาให้ครูคน ๆ อื่นได้นำไปใช้ในชั้นเรียนและสถาบันอื่นๆ ด้วย ทำให้รู้สึกว่าได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาอาชีวะศึกษาอย่างแท้จริง ทั้งนี้ ดิฉันเชื่อว่าเด็กอาชีวศึกษา ถ้ามีทั้งทักษะและความรู้ จะเหมือนเป็นการติดอาวุธให้พวกเขาเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต”
นายอาทิตย์ กริธพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวทิ้งท้ายว่า “เชฟรอนมีเจตนารมณ์ที่มุ่งเน้นการพัฒนา ‘พลังคน’ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยผ่านทางการสนับสนุนด้านการศึกษาอย่างยั่งยืน การจัดตั้งศูนย์การศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะอาชีพ (TVET Hub) ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต เป็นหนึ่งในความมุ่งมั่นของเชฟรอนในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาแรงงานวิชาชีพให้มีทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย ซึ่งนับถึงปัจจุบันที่โครงการฯ กำลังก้าวสู่ปีที่ 4 ได้จัดตั้ง TVET Hub ไปแล้วจำนวน 4 แห่ง พร้อมจัดอบรมให้กับครูและนักเรียน ตลอดจนจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อสนับสนุนการผลิตบุคลากรคุณภาพในสายอาชีวศึกษาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในระยะเวลา 5 ปี จะสามารถจัดตั้งศูนย์ TVET Hub ได้ 6 แห่งทั่วประเทศ สร้างประโยชน์ให้กับสถาบันอาชีวศึกษากว่า 60 แห่ง อบรมเชิงปฏิบัติการครูกว่า 1,800 คน และมีนักศึกษาสายอาชีวะและแรงงานได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 138,000 คน”