ชิปป๊อปสตารท์อัพอี-โลจิสติคส์ไทย รุ่งยอดส่งโต 600%
ชิปป๊อป ฯ สตาร์ตอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจร ที่รวบรวมบริษัทขนส่งมาไว้ในระบบเดียว ประกาศความสำเร็จที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ถึง 635% สร้างกำไรและขยายธุรกิจออกที่ประเทศมาเลเซีย และสิงค์โปร์ หลังจากเปิดบริการมาเพียงแค่ปีกว่า ตั้งเป้าเป็นอันดับหนึ่งในการเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ดีที่สุดในอาเซียน เดินหน้าขยายแผนธุรกิจสู่ตลาดโลก
สุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจมาร์เก็ตเพลสที่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งแคมเปญ ส่งเสริมการขาย รวมถึงโปรโมชั่นการจัดส่งสินค้าฟรี โดยในปี 2560 บริษัท ชิปป๊อป มียอดการจัดส่งสินค้าถึง 2 ล้านชิ้น คิดเป็น 3.1% ของมูลค่าทางระบบการขนส่งทั้งหมด เติบโตมากว่า 635% จากปี 2559 และทำให้มีรายได้สูงถึงเกือบ 70 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทฯสามารถเชื่อมต่อกับมาร์เก็ตเพลสหรือเว็บไซต์ต่างๆได้ทันที อีกทั้งยังมีพันธมิตรด้านการขนส่งในต่างประเทศ ทำให้ลูกค้าที่เลือกใช้บริการผ่านชิปป๊อปสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายต่างๆได้ เนื่องจากเราเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเปรียบเทียบราคา จองการขนส่ง ออกหมายเลขพัสดุทุกระบบขนส่ง หรือพิมพ์ใบปะหน้าได้ทันทีด้วยตัวเองโดยไม่ต้องไปที่จุดให้บริการ นอกจากนี้เรายังมีบริการ Drop Off ณ ที่ทำการไปรษณีย์ หรือผู้ใช้บริการสามารถเรียกรถขนส่งมารับของถึงบ้านได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถติดตามสถานะผ่านเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และชำระเงินออนไลน์ได้ทันที ส่วนลูกค้าประเภทนิติบุคคลสามารถเลือกที่จะวางบิลเป็นรายเดือนได้
นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจออกไปยังประเทศมาเลเซียและสิงค์โปร์ตั้งแต่ปลายปี 2560 ทำให้ขยายเครือข่ายการส่งสินค้าออกไปรวม 3 ประเทศ ปี 2561 ชิปป๊อปตั้งเป้าก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดในการเชื่อมต่อระบบขนส่งที่ดีที่สุดในกลุ่มภูมิภาคอาเซียน โดยมีแผนจะขยายออกไปในประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เพื่อรองรับการเข้ามาของกลุ่มธุรกิจ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่เข้ามาลงทุนในอาเซียน พร้อมเดินหน้าขยายแผนธุรกิจต่อไปสู่ตลาดโลก
ด้าน ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Commerce) กล่าวว่า ในปี 2560 ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีมูลค่าอยู่ที่ 2,812,592.03 ล้านบาท และเทียบเป็นอัตราส่วนการเติบโตต่อปีอยู่ที่ 9.86% (ปี 2559-2560 ) โดยอัตราเฉลี่ยของการส่งพัสดุต่อวันสูงถึง 2,000,000 ชิ้น ซึ่งจากการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้จะตอกย้ำความเชื่อที่ว่า อีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโตต่อไปและมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะในแต่ละแฟลตฟอร์มต้องการที่จะขึ้นมาเป็น Top Player ในตลาดทั้งนั้น ซึ่งจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างต้องปรับตัวและขยายช่องทางในการทำการตลาดมาสู่อีมาร์เก็ตเพลสมากขึ้น ส่งผลให้ระบบการขนส่งโลจิสติกส์มีการขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามไปด้วย ด้านผู้ขายย่อมต้องการกระบวนการจัดการขนส่งที่มีต้นทุนต่ำ ใช้ระยะเวลาน้อยที่สุด และสินค้าถึงมือลูกค้าอย่างปลอดภัย เพื่อจะสามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดได้สูงกว่า ด้านผู้ซื้อก็จะได้รับบริการจัดส่งสินค้าที่ได้คุณภาพ ส่งเร็ว ราคาไม่แพงนั่นเอง