โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง นำเข้าเรือยอช์ตล็อตใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักซ์ชัวรี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยประสบการณ์กว่า 23 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการเรือยอช์ต โดยการนำเรือยอช์ตจากประเทศอังกฤษบรรทุกมากับเรือเดินสมุทรเพื่อนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าในภูมิภาค ซึ่งนับเป็นการขนส่งเรือยอช์ตครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า “การขนส่งเรือยอช์ตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมาก และน่าตื่นเต้นอย่างมาก เพราะมีจำนวนเรือที่บรรทุกมามากที่สุด และมีขนาดหลากหลายตั้งแต่ความยาว 62 ฟุต จนถึง ซุปเปอร์ยอช์ตความยาว 100 ฟุต หรือ 30 เมตร โดยหนึ่งใน 9 ลำ เป็นเรือยอช์ตรุ่นใหม่ล่าสุดคือ Princess 62 ที่มีความพิเศษทั้งในด้านเทคโนโลยีการต่อเรือทำให้ลำเรือมีความเบา แข็งแรง ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และการออกแบบภายในตัวเรือที่เน้นดีไซน์ที่โปร่งตา สว่างไสว มีชีวิตชีวา แต่ยังคงความหรูหราตามแบบฉบับ Princess Yachts เอาไว้เหมือนเดิม”
นอกจากเรือยอช์ต Princess 62 แล้ว ยังมีเรือ Princess 64, Princess S65 จำนวน 2 ลำ, Princess 68, Princess 75 Motor Yacht ความยาว 80 ฟุต จำนวน 2 ลำ, Princess 88 Motor Yacht ความยาว 88 ฟุต และเรือซุปเปอร์ยอช์ต Princess 30M ความยาว 100 ฟุต โดยราคาของเรือประมาณ 80 ล้านบาทถึง 450 ล้านบาท หรือรวมทั้งหมดประมาณ 1,400 ล้านบาท
“ยอช์ตทั้ง 9 ลำนี้ ถูกลำเลียงโดยเรือเดินสมุทรจากประเทศอังกฤษ เพื่อนำมาส่งมอบให้กับลูกค้าของ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งทาง Princess Yachts ผู้ผลิตเรือยอช์ตระดับลักชัวรี่ชั้นนำของโลก ถึงกับบอกว่า นี่เป็นการขนส่งเรือครั้งใหญ่ที่สุดของภูมิภาค ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจเรือยอช์ตของ โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ได้เป็นอย่างดี” นายวริศ กล่าว
การส่งมอบเรือครั้งใหญ่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความนิยม และไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมชั้นสูงที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเกิดจาก 4 ปัจจัยหลักคือ 1) เรือยอช์ตสามารถเข้าถึงหาดสวย ทะเลใส ไร้สิ่งรบกวน ไกลจากแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวกัน 2) ชีวิตอิสระไร้ขีดจำกัด โดยเรือจะพาเราไปที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ที่ไม่เหมือนคนอื่น เปลี่ยนสถานที่ไปได้เรื่อยๆ ไม่จำเจ ซ้ำซาก 3) ความเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง เพราะยอช์ตก็คือบ้านอีกหลังที่ไปกับเราได้ทุกที่ มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น มีระเบียง ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบและตกแต่งเองตามความชอบและไลฟ์สไตล์ส่วนตัว เพื่อให้การพักผ่อนกับครอบครัวคนรักหรือกับเพื่อนฝูงเป็นวันที่พิเศษสุด และ 4) กีฬาผสานมิตรภาพ โดยคนในวงสังคมชั้นสูงมักจะชักชวนเพื่อนฝูง นัดเทียวกันเป็นกลุ่ม 4-5 ลำ ไปเกาะต่าง ๆ ทั้งในประเทศ หรือต่างประเทศ ไม่ต่างไปจากกลุ่มคนที่นิยมรถหรู ที่เสาร์ อาทิตย์ มักจะชักชวนกันไปขับรถเล่น ซึ่งการได้ทำความรู้จัก และทำกิจกรรมร่วมกันกับคนที่มีความชอบที่เหมือนๆกัน ย่อมเข้าใจกัน เอื้ออาทรต่อกัน ก่อให้เกิดมิตรภาพที่ดีต่อกันอย่างยาวนาน
“นอกจากนั้น หากเราพิจารณาผลิตภัณฑ์มวลรวมเฉลี่ยต่อหัว (GDP per capita) ของประเทศไทยจะพบว่า ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 เหรียญสหรัฐ (ราวเกือบ 2 แสนบาทต่อคน) และจากสถิติของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เมื่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศเฉลี่ยต่อหัวเพิ่มเป็นประมาณ 10,000 เหรียญสหรัฐ จำนวนคนที่ซื้อจะเริ่มบูม เราจึงได้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาลกับศูนย์ซ่อมบำรุงเรือบนเนื้อที่กว่า 80 ไร่ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาทและบริการหลังการขาย เพื่อดูแลลูกค้าของเรา” นายวริศ กล่าว
โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีผลิตภัณฑ์และบริการเกี่ยวกับเรือยอช์ตครบวงจร เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ หลากหลายขนาดและรูปแบบ ตั้งแต่การจำหน่ายเรือยอช์ตลำใหม่ หรือเรือยอช์ตมือสองจากแบรนด์เรือยอช์ตระดับโลก อาทิ Princess, Jeanneau, Prestige และ Wider การให้บริการเช่าเรือยอช์ต การบำรุงรักษาเรือยอช์ต และงานบริการหลังการขายอื่น ๆ ปัจจุบันโบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีเรือยอช์ต กว่า 200 ลำที่ลูกค้าใช้งานอยู่ทั่วภูมิภาค
“โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง ยังมีมารีน่าเป็นของเราเองที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่ง บนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ในภูเก็ต ซึ่งสามารถรองรับเรือยอช์ตที่จอดทั้งในน้ำและบนบกกว่า 350 ลำ นอกจากนั้น เรายังมีสถานที่อำนวยความสะดวกภายในมารีน่าไว้บริการอย่างครบครัน รวมถึงศูนย์ซ่อมและบำรุงรักษาเรือยอช์ตที่เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีด้านการซ่อมบำรุงที่ทันสมัย มีทีมวิศวกรเฉพาะทางชาวต่างชาติ และทีมบริการมากประสบการณ์กว่า 80 คน ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับความสะดวกสบายกับบริการที่เพียบพร้อมในทุกครั้งที่มาถึง” นายวริศ กล่าว
ปัจจุบัน โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีสาขามากที่สุด ถึง 9 แห่งครอบคลุม 5 ประเทศ คือสาขาปีนัง ประเทศมาเลเซีย สาขาจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย สาขาสิงคโปร์ สาขามัลดีฟส์ และ 5 สาขาในประเทศไทย คือ กรุงเทพฯ พัทยา กระบี่ สมุย และภูเก็ต