มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มอินเวอร์เตอร์
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ เน้นเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและประหยัดพลังงาน ดึง “โป๊ป-ธนวรรธน์” ตัวแทนคนรุ่นใหม่ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ปีที่ 4 พร้อมเปิดตัวโฆษณาชุด “7 DAYS: จะวันไหน…เราก็คิดจากชีวิตคุณ” มั่นใจสิ้นปียอดขายโตกว่า 8-10% หรืมากกว่า 14,500 ล้านบาท
นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจและแผนธุรกิจในปี พ.ศ. 2561 ภายใต้ยุทธศาสตร์เชิงรุกตลอดทั้งปี จะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรม สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค นำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญาดำเนินธุรกิจ “Changes for the Better” หรือ “การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า” และในวาระก้าวเข้าสู่ปีที่ 46 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในทิศทางเดียวกับบริษัทแม่ (ประเทศญี่ปุ่น) และกลุ่มโรงงานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ในประเทศไทย โดยเน้นการสร้างมูลค่าใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ และให้ความสำคัญกับการเป็นองค์กรที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านผลิตภัณฑ์ กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการบริการ หลังการขายแบบครบวงจร เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของสังคมไทยให้ดีขึ้น ตลอดจนการปลูกจิตสำนึกธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ ECO Changes
ขณะเดียวกัน ในปี 2563 บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ครบรอบ 100 ปีแห่งการประกอบการ โดยตั้งเป้าหมายรายได้รวมให้ได้สูงกว่า 5 ล้านล้านเยน โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจออกสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดในประเทศไทย มุ่งเน้นส่งเสริมกลยุทธ์สร้างความเติบโตในกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเล็งเห็นว่าประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางของเอเชียที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านปี 2561 จากปัจจัยบวกต่าง ๆ ทางด้านเศรษฐกิจ อาทิ การเติบโตของ GDP ที่คาดการณ์ว่าจะโตขึ้นมากกว่า 4% มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้บริษัทคาดว่าภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น
ปัจจุบันตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ผู้เล่นในตลาดมองหากลยุทธ์ต่าง ๆ มาใช้ในการแข่งขัน ทั้งการพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ การจัดแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด บริษัทยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง โดยการันตีความเป็นแบรนด์เครื่องปรับอากาศอันดับ 1 ที่ครองใจผู้บริโภคมายาวนาน ด้วยรางวัล “17th Year of Thailand’s Most Admired Brand 2017” (จากผลสำรวจทั่วประเทศโดยนิตยสาร BrandAge) พร้อมกับการสร้าง “คุณค่า” ของแบรนด์และมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม สร้างความสุขให้กับสังคมไทยในทุกครัวเรือน
สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคม ในปีนี้ บริษัทยังคงสานต่อกิจกรรมปั่น Slow life ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เมืองต้องห้ามพลาด 5 ภาค 5 จังหวัด ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนในมิติต่าง ๆ รวมถึงส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น
นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2560 มียอดขายลดลงประมาณ 10% (เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา) โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีงบประมาณ 2560 ของบริษัทซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า 13,500 ล้านบาท
ในด้านบริการหลังการขาย บริษัทมุ่งพัฒนาการสื่อสารผ่านระบบดิจิตอล ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิม และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า
เพราะการบริการหลังการขายถือเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จ ที่ช่วยสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว บริษัทฯ ได้พัฒนาระบบการสื่อสารภายใต้แนวคิด THINK 360◦ อาทิ พัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรผ่าน Mobile Application (MITSUBISHI ELECTRIC Air-Conditioner Technician Application) และสร้างกลุ่มไลน์ช่างเทคนิค (Line@ คู่หู ช่างแอร์ Mr.SLIM) เพื่อแจ้งข่าวสาร ข้อมูลความรู้ และให้คำปรึกษาเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาเชิงเทคนิคต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ตลอดจนเดินสายจัดกิจกรรมฝึกอบรมให้ความรู้ช่างเทคนิคทั่วประเทศ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้ขยายช่องทางเพิ่มความสะดวกในการบริการหน้าร้าน ด้วยการขยายสาขาศูนย์บริการ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค และศูนย์บริการแต่งตั้ง รวมถึงศูนย์ขายอะไหล่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และบริการผ่านช่องทางออนไลน์ด้วยการเปิดระบบสั่งซื้ออะไหล่ผ่าน www.mkysparepart.com เพื่อรองรับการสั่งซื้อจากร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้าโครงการและภาคธุรกิจ ในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดศูนย์ให้บริการ “สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ” ครบทั้ง 4 สาขาตามเป็นหมายที่วางไว้ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี และอุดรธานี และในปี 2018 ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ได้แก่ หาดใหญ่ และอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากพัฒนาการบริการในด้านต่าง ๆ แล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมสร้างองค์ความรู้ที่ถูกต้อง อาทิ ขยายความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาให้เพิ่มมากขึ้น ในการอบรมพัฒนาหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อผลิตนักศึกษาให้มีความรู้ความสามารถสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง นับเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับวงการอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นและระบบปรับอากาศ เพื่อให้มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นแบรนด์ที่มีคุณค่า และเคียงข้างสังคมไทยตลอดไป
นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป และมีการแข่งขันอย่างรุนแรงในตลาด ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น แต่เรายังคงมุ่งมั่นสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับ “ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ความปลอดภัย และตอบโจทย์การใช้งานอย่างแท้จริง” เพราะเราคิด…จากชีวิตคุณ
โดยในปี 2561 ยังคงเดินหน้าตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีความเย็น The Cooling Master เผยโฉมผลิตภัณฑ์ใหม่ พัฒนาเทคโนโลยีอินเวอร์เตอร์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ที่เน้นนวัตกรรมประหยัดพลังงาน ช่วยลดค่าไฟ และมาพร้อมคุณภาพที่เหนือกว่า
“เครื่องปรับอากาศ ไฮไลท์อยู่ที่ “JP Series” (Standard INVERTER) เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ดีไซน์สวยสะดุดตา ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ คุ้มค่าและประหยัดพลังงาน พร้อมด้วย Dual Barrier Coating ลดการเกาะติดของฝุ่นและละอองน้ำมัน ในราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ ด้านเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ “PLY Series” ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี 3D Move-eye Human Sensor พร้อมดีไซน์เรียบหรู เพื่อรุกตลาดอาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย อย่างต่อเนื่อง
ใหม่ ตู้เย็นแบบ 4 ประตู รุ่น “LX Grande” ระบบ Neuro Inverter สะท้อนความหรูหราผ่านดีไซน์ หน้าบานประตูกระจกนิรภัย นำเสนอเทคโนโลยีล่าสุด “Super Cool Chilling” ที่ใส่ใจในความสดอร่อยของอาหาร เก็บรักษาอาหารภายใต้ความเย็นเฉียบ 0 ถึง -3 องศา พร้อมปรุงได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาทำละลาย พร้อมด้วย “Easy Clean Auto Ice Maker” ระบบทำน้ำแข็งอัตโนมัติ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และช่องแช่ผักแบบลิ้นชักแยกอิสระพร้อมแสงสีส้มที่ช่วยคงความสดของผักและผลไม้ได้ยาวนาน ประหยัดพลังงานด้วยระบบ Neuro Inverter
ทั้งนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการตลาดแบบ 360◦ โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และภาพยนตร์โฆษณา ชุด “7 DAYS : จะวันไหน…เราก็คิดจากชีวิตคุณ” สื่อถึงมุมมองความคิด อารมณ์ และความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละวัน แต่ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกในแต่ละวัน จึงทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายและมีความสุขมากขึ้น ซึ่งปีนี้ คุณโป๊ป-ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ ยังคงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ ที่มีทั้งความสมาร์ท เก่ง มั่นใจ และใส่ใจที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เป็นปีที่ 4
ขณะเดียวกัน บริษัทยังให้ความสำคัญกับการตลาดด้าน Digital Marketing มากขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้คนใช้งานอินเทอร์เน็ตเกินกว่าครึ่งประเทศ และมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีต่าง ๆ และสื่อโซเชียลมีเดียจะเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น แต่การบริการหลังการขายที่น่าประทับใจก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ บริษัท จึงเตรียมบริการหลังการขายที่ดีไว้ให้ลูกค้าเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าร้านหรือผ่านสังคมออนไลน์ โดยบริษัทฯ เดินหน้ายกระดับการสื่อสารให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มที่สำคัญเพื่อรองรับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อของผู้บริโภคในปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยังคงยึดถือนโยบายการทำตลาดที่ชัดเจน โดยเน้นคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก พร้อมทั้งตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีความเย็น เดินหน้าแคมเปญการตลาดอย่างเต็มรูปแบบทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ และขยายการรับรู้แบรนด์ผ่านกลยุทธ์ Sport Marketing ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก “บางกอกกลาส เอฟซี” ในฤดูกาล 2561 นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้แฟนบอลได้ร่วมทำกิจกรรมกับสโมสรนักเตะดาวดัง
ซึ่งในปีนี้ บริษัทได้ใช้งบประมาณทางการตลาด ด้านโฆษณาและส่งเสริมการขายกว่า1,040 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าด้วยกลยุทธ์ต่าง ๆ ที่จะดำเนินอย่างเข้มข้นในปีนี้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย จะช่วยให้บริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า 14,500 ล้านบาท ในปี 2561 ได้อย่างแน่นอน