มิชลิน ชูรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ตอบโจทย์ “อาหารคุณภาพในราคาคุ้มค่า”
หลังจากเปิดตัวคู่มือแนะนำร้านอาหารและที่พัก ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ’ ประจำปี 2561 หรือ MICHELIN Guide Bangkok 2018 ซึ่งเป็นฉบับปฐมฤกษ์ไปได้ไม่นานจนกลายเป็นกระแสที่ได้รับการกล่าวถึงไปทั่วและทำให้ร้านอาหารที่คว้ารางวัลดาวมิชลินได้รับความสนใจมากขึ้น ล่าสุด มิชลินหันมารุกส่งเสริมรางวัล “บิบ กูร์มองด์” (Bib Gourmand) ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในกลุ่มนักชิมชาวไทย เพราะร้านที่ได้รางวัลนี้สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยราคาที่ย่อมเยาคุ้มค่าและเป็นอีกหนึ่งรางวัลจาก ‘มิชลิน ไกด์’ นอกเหนือจาก “ดาวมิชลิน” ที่จะร่วมสร้างชื่อเสียงให้กับกรุงเทพฯ ในฐานะแหล่งรวมอาหารอร่อยหลากประเภทในทุกระดับราคา
ย้อนหลังไปเมื่อปี 2497 คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ได้ริเริ่มคัดสรรรายชื่อร้านอาหารที่ “อาหารอร่อยและราคาสมเหตุสมผล” (Good Cuisine at a Reasonable Price) เพื่อให้ทุกคนสามารถลิ้มรสอาหารอร่อยคุณภาพดีที่ปรุงขึ้นอย่างพิถีพิถันได้ในราคาที่เอื้อมถึง ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมอย่างสูงจนกลายเป็นรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ที่มอบให้แก่ร้านอาหารเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา รางวัลนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูป ‘บิเบนดัม’ หรือ ‘มิชลินแมน’ ทำท่าเลียริมฝีปาก = ทั้งนี้ เกณฑ์ราคาอาหารจะพิจารณาจากค่าครองชีพของแต่ละประเทศเป็นหลัก โดยเกณฑ์สำหรับร้านอาหารในกรุงเทพฯ ที่ได้รับรางวัลนี้คือนำเสนออาหารคุณภาพดีในราคาไม่เกิน 1,000 บาท (ราคาสำหรับอาหาร 3 คอร์ส ได้แก่ อาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานหลัก และของหวาน ไม่รวมเครื่องดื่ม)
นายเสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด กล่าวว่า “รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ มีบทบาทไม่น้อยไปกว่า ‘ดาวมิชลิน’ ในการส่งเสริมให้ กรุงเทพฯ เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองแห่งอาหารอร่อยที่มีตัวเลือกแตกต่างหลากหลายให้นักชิมได้ลิ้มลอง ทั้งอาหารระดับภัตตาคาร อาหารจากร้านธรรมดาขนาดเล็ก หรืออาหารริมทางราคาย่อมเยา รางวัลนี้ไม่เพียงนำเสนอทางเลือกให้บรรดานักชิม ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ผ่านการคัดสรรจากคู่มือระดับโลกอย่าง ‘มิชลิน ไกด์’ ในราคาที่จับจ่ายได้ง่ายอย่างคุ้มค่า แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่าอาหารอร่อยคุณภาพดีไม่จำเป็นต้องราคาแพงเสมอไป”
ร้านอาหารที่ได้รับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ’ ประจำปี 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 35 ร้าน โดยในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารริมทางจำนวนถึง 18 ร้าน อาทิ ไก่ทอดเจ๊กีซอยโปโล (สาขาซอยโปโล) ร้านระดับตำนานที่เปิดมานานถึง 50 ปี เลื่องชื่อด้วยเมนูไก่ทอดเนื้อนุ่มหนังกรอบโรยกระเทียมหอมอร่อย, โจ๊กปรินซ์ ร้านดังที่ซ่อนตัวอยู่ในตรอกเล็กๆ เสิร์ฟโจ๊กสุดอร่อยเนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเตาถ่านอันเป็นเอกลักษณ์ สามารถเลือกทานร้อนๆ กับไข่ลวกหรือไข่เยี่ยวม้าได้ตามชอบ, เย็นตาโฟคอนแวนต์ ร้านเด็ดที่อยู่คู่ซอยคอนแวนต์ย่านสีลมมากว่า 40 ปี โดดเด่นด้วยซอสเย็นตาโฟสูตรพิเศษที่ทำจากมันเทศและมะเขือเทศต้มบดละเอียด ส่วนอีก 17 ร้านที่เหลือเป็นร้านอาหารระดับภัตตาคาร อาทิ ร้าน บ้าน ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและแหล่งที่มาของวัตถุดิบสำหรับรังสรรค์เมนูเด็ด เช่น เนื้อวัวสำหรับแกงมัสมั่นที่สั่งตรงจากฟาร์มมุสลิมที่ปากช่อง หรืออาหารทะเลที่ส่งตรงมาจากภาคใต้ และร้าน The Local ซึ่งนำเสนออาหารอร่อยสูตรลับของครอบครัวที่สืบทอดต่อ ๆ กันมา โดยมีอาหารไทยแท้จากทุกภาคให้ได้ลิ้มลองในบรรยากาศบ้านสไตล์โคโลเนียล
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ในปีนี้ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ’ มีร้านอาหารได้รับรางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จำนวนมากกว่าร้านที่ได้ดาวมิชลินถึง 2 เท่า และในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารริมทางถึงครึ่งหนึ่ง สะท้อนให้เห็นเสน่ห์ของกรุงเทพฯ ในการเป็นเมืองแห่งอาหารราคาย่อมเยาและร้านอาหารริมทางที่ขึ้นชื่อ อาจกล่าวได้ว่ารางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ ช่วยเปิดโอกาสให้ร้านอาหารขนาดเล็กที่มีฝีมือสามารถสร้างชื่อเสียงได้ จึงมีส่วนส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นในวงการอาหารของไทย ยิ่งกว่านั้นในภาพรวมยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยร้านอาหารทั้งที่ได้รับรางวัล ‘ดาวมิชลิน’ และ ‘บิบ กูร์มองด์’ จะเป็นแม่เหล็กที่ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักชิมจากทั่วโลกให้เดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เพื่อสัมผัสประสบการณ์พิเศษในการลิ้มลองอาหารเหล่านี้ด้วยตนเอง”
ผู้สนใจสามารถคลิกดูข้อมูลรายชื่อร้านอาหารทั้งหมดที่ได้รับคัดสรรและจัดอันดับอยู่ในคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ’ ประจำปี 2561 ได้ทางเว็บไซต์ www.guide.michelin.com โดยสามารถเลือกให้แสดงผลได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ