เตรียมความพร้อมเต็มร้อยในรุ่นจีที (GT) ปอร์เช่ทั้ง 4 คัน เป้าหมายเดียวคือชัยชนะ
ปอร์เช่จัดงานเพื่อเฉลิมฉลองและระลึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับจากทีมงานและนักขับตลอด
ฤดูกาลแข่งขัน 2017 ที่ผ่านมา โดยใช้ชื่อของงานดังกล่าวว่า “Night of Champions” พร้อมแถลงข่าวความคืบหน้าของโปรแกรมการแข่งขันจีที (GT) ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาไปสู่ระดับโลก
พันธกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนสังเวียน Le Mansปอร์เช่วางแผนที่จะส่งรถแข่งสมรรถนะสูง รวมทั้งสิ้น 4 คัน ในฐานะตัวแทนของทีมโรงงานเพื่อร่วมลงทำการแข่งขันในรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง ครั้งที่ 86 ที่กำลังจะมาถึง ทั้งนี้ทีมแข่ง Porsche GT ทั้ง 2 ทีม พร้อมลงชิงชัยในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกทั้งในรายการ FIA WEC และ IMSA WeatherTech Champion ด้วยรถแข่งในรุ่นจีที (GT) พละกำลังมหาศาลกว่า 510 แรงม้า ซึ่งถูกสร้างขึ้นใน Weissach ภายใต้ห้องบังคับการของรถแข่งหมายเลข 91 คือพื้นที่ของ Gianmaria Bruni, Richard Lietz และ Frederic Makowiecki สำหรับรถแข่งหมายเลข 92 ควบคุมพวงมาลัยโดย Kevin Estre, Michael Christensen และ Laurens Vanthoor ตามด้วย Patrick Pilet, Nick Tandy และEarl Bamber ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะลงทำการแข่งขันในรถแข่งหมายเลข 93 ปิดท้ายด้วยรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (Porsche 911 RSR) หมายเลข 94 ประจำการหลังพวงมาลัยโดย Timo Bernhard, Romian Dumans และ Sven Muller ด้วยประสบการณ์และความมั่นใจจากนักแข่งมือฉมังผู้เคยคว้าชัยชนะในรายการ Le Mans มาแล้วถึง 4 รายการ ประกอบด้วย Bamber Bernhard, Dumans และ Tandy ทั้งหมดนี้คือกำลังหลักที่จะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดช่วงเวลาแห่งความสำเร็จต่อการปฏิบัติงานภายในทีมแข่งของปอร์เช่
สงครามความเร็วที่เวียนมาอีกครั้ง การดวลเดือดของปอร์เช่เพื่อตำแหน่งแชมป์ฤดูกาล 2018 การสำหรับฤดูกาลแข่งขัน 2018/2019 เป็นอีกครั้งที่ทีมโรงงาน Porsche GT ตัดสินใจเข้าร่วมประลองความเร็วในรุ่น GTE-Pro ของรายการแข่งขันรถยนต์ท่างเรียบชิงแชมป์โลก FIA World Endurance Championship (WEC) ซึ่งประกอบด้วยรถแข่งปอร์เช่ 911 อาร์เอสอาร์ (RSR) หมายเลข 91 ขับขี่โดย Gianmaria Bruni และ Richard Lietzทางด้านของ Michael Christensen และ Kevin Estre ลงแข่งขันด้วยรถหมายเลข 92 ในส่วนของการแข่งขันรุ่น GTE-Am นั้น ส่วนหนึ่งเป็นทีมแข่งอิสระซึ่งสมัครเข้าร่วมแข่งขันด้วยรถแข่ง 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ปี 2017 โดยรวมแล้ว ปอร์เช่ได้จัดจำหน่ายรถแข่ง 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR) ให้แก่ลูกค้าเพื่อทำการแข่งขันในรายการ WEC Le Mans 24 ชั่วโมง และรายการ European Le Mans Series ทั้งหมดถึง 7 คันด้วยกัน
ภารกิจอันยิ่งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาหนึ่งในความสำเร็จสูงสุดของคู่หูนักแข่งจากรายการ IMSA WeatherTech Championship กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งด้วยการกลับมารวมตัวกันเพื่อสู้ศึกฤดูกาล 2018 เฉกเช่นเดียวกับชัยชนะอันหอมหวานเมื่อปี 2015 ในฐานะแชมเปียนส์ของพวกเขา เป็นอีกครั้งที่ Nick Tandy และ Patrick Pilet จะร่วมกันขับขี่รถแข่ง 911 อาร์เอสอาร์ (911 RSR)หมายเลข 911 และรถแข่งร่วมทีมอีกหนึ่งคันในหมายเลย 912 บังคับควบคุมโดยแชมป์ Le Mans 2 สมัยอย่าง EarlBamber และ Laurens Vanthoor แชมป์จากรายการ International GT Challenge รวมทั้ง Blancpain Series นี่คือทีมงานนักขับระดับโลกที่ไว้วางใจได้ในฝีไม้ลายมือ
ยกระดับสมรรถนะรถแข่ง 911 จีที 3 อาร์ (911 GT3 R) มือสำหรับรถแข่งปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์ (Porsche 911 GT3 R) ซึ่งสร้างขึ้นสำหรับทีมแข่งอิสระของลูกค้า ได้รับการพัฒนาศักยภาพให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น พร้อมประจัญบานในฤดูกาล 2018 ผ่านการยกระดับประสทิธิภาพให้แก่อุปกรณ์ต่างๆ มากมาย อาทิ ชิ้นส่วนตัวถังที่แตกต่างจากรถแข่งรุ่นปี 2016 และ 2017 รวมทั้งสมรรถนะด้านอื่นๆ เช่น ชายล่างกันชนหน้าแบบใหม่ที่ช่วยในการระบายความร้อนได้อย่างเหมาะสม และ สเกิร์ตข้างที่ให้สมดุลด้านอากาศพลศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น
ทุ่มเททุกสรรพกำลัง เพื่อก้าวขึ้นสู่ความเป็นหนึ่งของรถแข่งจีที 3 (GT 3) ในแต่ละสนามของการแข่งขันรายการ International GT Challenge ปอร์เช่ได้ให้การสนับสนุนแก่ทีมแข่งท้องถิ่นอย่างน้อยหนึ่งทีมสำหรับการเข้าร่วมแข่งขันด้วยแคมเปญพิเศษในรุ่น 911 จีที 3 อาร์ โปร (911 GT3 R Pro) ในส่วนนักขับ 3 ราย ซึ่งประกอบด้วย Dirk Werner, Romain Dumans และ Frederic Makowiecki จะเข้าร่วมแข่งขันในทุกสนามเพื่อตำแหน่งแชมป์เปียนส์เมื่อจบฤดูกาล นอกจากนี้ ทั้ง 3 ยังได้ลงสู้ศึกร่วมกันในรายการ Blancpai GT SeriesEndurance Cup ด้วยรถแข่ง 911 จีที3 อาร์ (911 GT3 R) เช่นเดิม ในฐานะของทีมแข่ง Manthey Racing สำหรับรายการแข่งขันความเร็วระดับนานาชาติและการแข่งขันระดับ GT Series อื่นๆ เช่น European Le Mans Series,Pirelli World Challenge, Japanese Super GT Series, IMSA WeatherTech Championship (รุ่น GTD) และNurburgring Long Distance Championship ปอร์เช่ยังคงยืนยันให้การสนับสนุนทั้งในส่วนของช่างเทคนิคและนักขับแก่ทีมอิสระของลูกค้าอย่างเต็มที่
แชมป์โลก Timo Bernhard ร่วมทำศึกในรายการ ADAC GT Masters แชมเปียนส์จากรายการ FIA WEC และผู้ชนะในสนาม Le Mans กำลังจะกลับมาร่วมประลองความเร็วในการแข่งขันรุ่นจีที (GT) อีกครั้งเมื่อฤดูกาล 2018 เดินทางมาถึง ผ่านการผนึกกำลังกับ Kevin Estre ในฐานะนักแข่งและเจ้าของทีมแข่ง ซึ่งทั้งคู่จะเข้าร่วมชิงชัยในรายการ ADAC GT Masters ภายใต้ชื่อทีมของเขานั่นคือ 75 Bernhard
กองทัพรถแข่งปอร์เช่ 911 จีที 3 อาร์ ทั้ง 9 คัน โลดแล่นในรายการ Nurburgring 24 ชั่วโมง รถแข่งปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์ (Porsche 911 GT3 R) จำนวนทั้งหมด 9 คัน ได้รับการคาดหมายว่าจะปรากฎตัวขึ้น
บริเวณเส้นสตาร์ทภายในสนาม Nurburgring เพื่อเข้าร่วมแข่งขันรายการ ADAC 24 ชั่วโมง ทั้งนี้รถแข่ง 5 คัน จะถูกส่งลงสนามในฐานะตัวแทนจากทีมแข่งอิสระสำหรับรุ่น pro และอีก 4 คันที่เหลือจะลงสนามในรุ่น amateur ทีมแข่งManther Racing ได้รับการสนันสนุนรถแข่ง 2 คัน ฝีมือเยี่ยมจากโรงงานปอร์เช่ ประกอบด้วย Earl Bamber,Laurens Vanthoor, Kevin Estre และ Patrick Pilet ประจำการในรถแข่งปอร์เช่ 911 จีที3 อาร์ (Porsche 911 GT3 R)ติดหมายเลข 911 ในส่วนของ Romain Dumas, Richard Lietz, Frederic Makowiecki และ Nick Tandy กุมบังเหียนรถแข่งหมายเลข 912 นั่นหมายความว่า นักแข่งจอมเก๋ากว่า 13 คนจากทีมโรงงานและนักแข่งดาวรุ่งฝีมือดีอีก 4 รายจะร่วมเปิดศึกดวลเดือดในการแข่งขันระยะยาวที่จัดขึ้นในแคว้น Eifel ในช่วงวันที่ 12/13 พฤษภาคมนี้
ปอร์เช่ยังคงเสริมโครงการพัฒนานักแข่งอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาลแข่งขัน 2018 สุดยอดนักแข่งดาวรุ่งหน้าใหม่จากโครงการนำร่องทั้ง 4 ชีวิต กำลังจะเดินทางไปเผชิญโลกกว้างในฐานะของ Porsche Young Prefessionals ภายหัลงจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการแข่งขันรายการ Porsche’s one-make up series Dennis Olsen และ Matt Campbell กำลังจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่งของอาชีพนักแข่ง ในส่วนของ Metteo Cairoli และ Mathieu Jaminet เป็นอีก 2 ราย ที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าวร่วมโครงการพัฒนาศักยภาพนักขับดาวรุ่งเพื่อความเป็นมืออาชีพในครั้งนี้เช่นกัน นี่คือฤดูกาลแรกของพวกเขาในการแข่งขันความเร็วระดับจีที (GT) และแน่นอนว่าพวกเขาจะได้รับการสนันสนุนอย่างตื่อเนื่องตลอดทั้งปี 2018 นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของโครงการพัฒนาผ่านกิจกรรมอย่างเป็นทางการของปอร์เช่ ด้วยการคัดเลือกนักแข่งดาวรุ่งที่มีผีมือยอดเยี่ยมเข้ามาประดับวงการในฤดูกาลแข่งขันที่กำลังจะมาถึง ทั้ง 4 จะต้องผ่านหลักสูตรการฝึกอบรม ซึ่งรวมทั้งการทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย Christima Nielsen จาก เดนมาร์ก คือนักขับรายแรกที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าว เขาคือผู้ชนะในรายการ German E-Kart Championship (DEKM) จากทักษะความสามารถที่ได้รับการเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมากหลังจากผ่านหลักสูตรการอบรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการพัฒนา ยิ่งไปกว่านั้น แผนก Porsche Motorsport ยังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ DEKM เพิ่มเสริมสร้างนวัตกรรมและบริหารจัดการต้นทุนในการจัดการแข่งขันอย่างเต็มประสิทธิภาพ รถคาร์ทที่ใช้ในการแข่งขันดังกล่าวสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะต้องถูกนำมาพิจารณาถึงความเหมาะสมจากทุกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจในคุณภาพและป้องกันการใช้งบประมาณที่เกินจำเป็น
911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup) รถแข่งที่สร้างสถิติใหม่
รถแข่ง 911 จีที3 คัพ (911 GT3 Cup) รุ่นใหม่ ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกในการแข่งขันรายการ Mobil 1 Supercup, Carrera Cup Deutschland รวมทั้งการแข่งขันอีกหลากหลายรายการในภูมิภาคอเมริกาเหนือตลอดฤดูกาล 2017
นอกจากนี้รถแข่งรุ่นดังกล่าวจะได้รับการส่งเข้าร่วมประลองความเร็วในสนามแข่งขันหลักรวมทั้งรายการ Porsche’s one-make cup series ทั่งทุกมุมโลกในปี 2018 นับจากเริ่มต้นฤดูกาลจนถึงช่วงใบไม้ผลิของปี 2018 รถแข่งพลังแรงกว่าา 485 แรงม้า จำนวนทั้งสิ้นถึง 339 คัน จะถูกผลิตจากโรงงานของปอร์เช่ที่ Stuttgart-Zuffenhausen เพื่อส่งออกไปลงสนาม ไม่เคยมีปรากฎการณ์ครั้งใดที่รถแข่งรุ่นหนึ่งจะมียอดการผลิตสูงระดับนี้ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งฤดูกาลแข่งขัน นั่นหมายความว่า ปอร์เช่ 911 จีที3 คัพ (Porsche 911 GT3 Cup) ยังคงรักษาตำแหน่งรถแข่งที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดในโลกเอาไว้ได้
การเดินทางทั่วโลกเพื่อสั่งลาอย่างสมศักดิ์ศรีของ 919 ไฮบริด (919 Hybrid)
ทีมแข่ง Porsche LMP จะใช้เวลาตลอดปี 2018 ไปกับภารกิจใหม่ เพื่อสานต่อความสำเร็จไปยังสมรภูมิความเร็วล่าสุดนั่นคือ การเข้าร่วมแข่งขันในรายการ Formula E ทั้งนี้ฤดูกาลแข่งขันครั้งที่ 6 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในช่องปลายปี 2019 จนกว่าเวลานั้นจะมาถึง ทีมงานปอร์เช่อยู่ระหว่างการออกแบบพัฒนาและทดสอบระบบขับเคลื่อนในขั้นตอนสุดท้าย กระบวนการการปฏิบัติงานระยะเริ่มต้นได้สำเร็จลุล่างไปเรียบร้อยแล้วภายในปี 2017 สิ่งที่ตามมาคือการตกผลึกไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์จริงในปีถัดไป การลงสนามเพื่อวิ่งทดสอบครั้งแรกของรถแข่ง Formula E จากปอร์เช่
มีกำหนดเวลาเกิดขึ้นก่อนปี 2019 สำหรับอีกหนึ่งภารกิจที่ได้รับการดำเนินการควบคู่ไปกับการพัฒนาตัวแข่งคันใหม่ คือการเดินทางเพื่ออำลารถแข่งเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศรายการ Le Mans 3 สมัย ปอร์เช่ 919 ไฮบริด (Porsche 919 Hybrid) หน้าที่ของรถคันนี้นอกเหนือจากการลงสนามในรายการ FIA World Endurance Championship (WEC) และ
นอกเหนือจากการโลดแล่นตามกฎข้อบังคับของอัตราการเผาผลาญพลังงานอันเข้มงวดระหว่างการแข่งขันสุดทรหดนวัตกรรมยานยนต์สิงห์สนามจะออกเดินทางไปแสดงตัวตามวาระพิเศษต่างๆ ตลอดทั้งปี ตารางกิจกรรมที่แน่นอนจะถูกประกาศให้รับทราบโดยทั่วกันก่อนปี 2018 และเมื่อผ่านไป 1 ปี สุดยอดตัวแข่งไฮบริดโปรโตไทป์ระดับตำนานที่พกพาแรงม้า จำเป็นต้องยุติบทบาทอันยิ่งใหญ่ของตัวมันเองลง พิพิธภัณฑ์ปอร์เช่คือจุดหมายปลายทางสุดท้าย ของรถแข่ง 919
Porsche Cup: Christian Ried นักแข่งอิสระที่ประสบความสำเร็จสูงสุดประจำฤดูกาล 2017 ผู้คว้าตำแหน่งชนะเลิศในการมอบรางวัล Porsche Cup ฤดูกาลนี้ไปครอบครอง พร้อมสถานะนักแข่งอิสระของปอร์เช่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก คือ Christian Ried (อายุ 38 ปี) นักขับรถแข่ง/เจ้าของทีม Dempsey Proton Racing โดยได้รับมอบรางวัลอันทรงเกียรติจาก Dr Wolfgang Porsche, ประธานบอร์ดบริหารของ Porsche AG นอกจากนั้น Ried ยังได้รับเงินรางวัลจากปอร์เช่มูลค่าสูงถึง 120,000 ยูโร ทั้งหมดเป็นผลลัพธ์จากความสำเร็จของเขาในการแข่งขันรายการ FIA WEC และ European Le Mans Series, โดยเขาสามารถเก็บคะแนนรวมได้ถึง 8,700 คะแนน ตลอดฤดูกาลจากการลงสนามหลังพวงมาลัยของรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR ตามมาด้วยอันดับที่สอง Robert Renauer, ผู้คว้ารางวัล Porsche Cup เมื่อปีที่แล้ว รับมอบเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 30,000 ยูโร สำหรับอันดับที่สาม ตกเป็นของนักขับชาวสวิสเซอร์แลนด์ Daniel Allemann รับเงินรางวัลไป 25,000 ยูโร การมอบรางวัล Porsche Cup ได้รับการจัดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1970 จากความคิดริเริ่มของ Ferry Porsche