ดีแทค เผยโฉมนวัตกรรมเสามือถือ
ดีแทคก้าวไปอีกขั้นของเทคโนโลยีสื่อสารเพื่อชีวิตดิจิทัล เผยนำร่องติดตั้งเสามือถือดีไซน์ล้ำสมัยด้วยการออกแบบเข้ากับพื้นที่ใช้งาน ผสานทั้งทัศนียภาพในเมืองและนอกเมือง เน้นชูเทคโนโลยีประสิทธิภาพการสื่อสาร ตอบโจทย์เพื่อประโยชน์วิถีชีวิตของผู้ใช้งานทุกพื้นที่ ทั้งขยายสัญญาณเพิ่มความแรงของดีแทค 4G, 3G สู่ทุกพื้นที่ทั่วไทยโดยเฉพาะพื้นที่ใช้งานหนาแน่น เพื่อให้ชีวิตออนไลน์และการใช้งานแอปพลิเคชันเพิ่มประสบการณ์ใหม่ และรองรับเทคโนโลยีสื่อสารล้ำสมัยในอนาคต
ตั้งแต่โลกเริ่มต้นคิดค้นมือถือประมาณปี พ.ศ. 2516 เป็นต้นมา เราจะเห็นมือถือรุ่นแรกรูปร่างขนาดใหญ่โตน้ำหนักมาก จนมีวิวัฒนาการตัวเครื่องและประโยชน์ใช้งานที่เปลี่ยนไปอย่างมากจนมีสมาร์ทโฟนจอขนาดใหญ่ไร้ขอบ ไร้ปุ่มโฮม ใช้งานผ่านสแกนลายนิ้วมือ หรือใบหน้า มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากมายเพื่อรองรับการใช้งานรูปแบบต่างๆ โดยมีมากกว่า 3 ล้านแอปพลิเคชันที่รอดาวน์โหลดใช้งาน
ในปัจจุบัน คนทั่วไปอาจจะไม่สังเกตว่าเสามือถือที่มีไว้เพื่อรับส่งสัญญาณก็มีการพัฒนาไปอย่างมากเช่นกัน ไม่ใช่แค่เสาสูงใหญ่แบบเดิมอีกต่อไป โดยดีแทคเป็นรายแรกในไทยที่ได้นำเสามือถือที่เป็นนวัตกรรมในแบบต่างๆ มาติดตั้งเพื่อรองรับการใช้งานดิจิทัล และยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่กับการขยายเสาสัญญาณ
จากยุคแรกการสร้างเสามือถือในประเทศไทยเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าการสร้างเสาสัญญาณมือถือแบบแอนะล็อก จะเน้นที่เสาสัญญาณสูงขนาดใหญ่ หรือ Macro Base Station โดยมีความสูงของเสาในช่วง 60-80 เมตร เพื่อกระจายสัญญาณรับ-ส่งให้ครอบคลุมพื้นที่ ตอบโจทย์ลักษณะการใช้มือถือเพื่อโทรเข้า-รับสาย แค่นั้น
ในช่วง 3G และ 4G เสาสัญญาณมือถือเข้าสู่การรองรับการใช้งานดาต้า หรืออินเทอร์เน็ตบนมือถือมากกว่าบริการโทรเข้า-รับสาย เสาสัญญาณจึงไม่ใช่เพียงให้ความสำคัญกับการครอบคลุม (coverage) แต่ยังต้องเน้นสัญญาณหนาแน่น (density) เสาสัญญาณจึงมีขนาดเล็กลงด้วยความสูงขนาด 30, 36, 42, 45 เมตร แต่จะเน้นการรับส่งดาต้าหรือใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือในพื้นที่ใช้งานหนาแน่นให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับในเมือง เสาสัญญาณจะถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กลงไปในรูปแบบ “Small Cell” ด้วยความสูง 12, 15 หรือ 18 เมตร เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของการรับส่งสัญญาณ สู่บริการดาต้าหรือการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ที่ต้องรองรับไลฟ์สไตล์ดิจิทัลทุกรูปแบบ และชีวิตที่ต้องออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคมีแนวคิดในการนำนวัตกรรมเสาสัญญาณที่ออกแบบเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองวิถีชีวิตคนเมือง (Urban lifestyle) และแนวคิดเพื่อสิ่งแวดล้อมี รองรับไลฟ์สไตล์ที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมจะก้าวไปกับเทคโนโลยีดิจิทัล ดังนั้น เราไม่ใช่แค่จะพัฒนาคุณภาพของสัญญาณเท่านั้น แต่ดีแทคได้คำนึงถึงการติดตั้งเสาสัญญาณที่จะต้องผสมผสานกับพื้นที่ใช้งาน และมีประโยชน์สู่การยกระดับคุณภาพชีวิต ในรูปแบบแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่”
แนวคิดจากดีแทคในการนำเสาสัญญาณที่ออกแบบเพื่อให้เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยตอบสนองวิถีชีวิต รูปแบบต่างๆ เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตแต่ละพื้นที่ เช่น
เสาต้นไม้ (Tree Pole) – โซลูชั่นของเสาสัญญาณที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับแหล่งธรรมชาติ อุทยาน ป่าไม้ หรือแหล่งท่องเที่ยว โดยยังคงทำหน้าที่รับส่งสัญญาณให้บริการทุกคลื่นความถี่ในพื้นที่ แต่มีรูปแบบที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อทัศนียภาพในพื้นที่นั้น
ซีโร่ไซต์ (Zero Site) – หนึ่งในนวัตกรรมเสาสัญญาณจากเทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การวางแผนรองรับสังคมเมืองที่มีรูปแบบชีวิตดิจิทัล ซึ่งเติบโตขึ้นตามอัตราประชากรที่หนาแน่นขึ้นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต อีกทั้งยังผสานทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อมความเป็นเมืองอย่างลงตัวมาให้บริการ รูปแบบเสาไฟถนนที่มาพร้อมโคมไฟ LED ให้ความปลอดภัยชุมชนและผู้สัญจรในเวลากลางคืน สว่างแต่ประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น 50-80%
ซิตี้ ไซต์ (City Site) – โซลูชั่นของเสาสัญญาณรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์ในการออกแบบให้เข้ากับทัศนียภาพในเมือง ด้วยความสวยงามเข้ากับสภาพแวดล้อมและเพิ่มคุณสมบัติติดตั้งหน้าจออินเตอร์แอคทีฟ สามารถใช้เป็นสื่อโฆษณา ฉายภาพยนตร์โฆษณา รวมถึงมีนาฬิกาแสงผลแบบ LED พร้อมรายงานอุณหภูมิสภาพอากาศในสถานที่นั้นแบบ real time ทำให้เพิ่มประโยชน์การใช้งานอื่นๆ อีกมากมาย
โมโนโพล (Monopole) – เสาสัญญาณรูปทรงเหมือนเสาต้นเดี่ยว สำหรับพื้นที่ติดตั้งให้ผสมผสานกับทัศนียภาพได้มากกว่า และไม่ใหญ่เหมือนเสาปกติ พร้อมทั้งสามารถทำสีให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้ เช่นทำเสาเป็นสีเขียวในเขตอุทยาน ต่างๆ
“นอกจากเสาสัญญาณทั้ง 4 รูปแบบ ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของดีแทคแล้ว เรายังมุ่งพัฒนาเสารูปแบบใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อการใช้ชีวิตดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ และเพื่อนำมาสู่การขยายเสาสัญญาณที่ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพของบริการและยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนอีกด้วย”
