The New 911 Carrera T Less is More!
เรื่อง: sirote petchjamroensuk
ไม่มีคำว่า “ที่สุด” สำหรับการออกแบบ และไม่คำว่า “ที่สุด” ของความเร็ว การตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพจึงกลายเป็นโจทย์สำคัญตั้งแต่ปี 1968 เมื่อต้นตระกูลปอร์เช่ 991 ที ถือกำเนิดเป็นครั้งแรกบนท้องถนนโลก และกลายเป็นธรรมเนียมสืบทอดปฏิบัติมาจวบจนปัจจุบัน ด้วยโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ระบบเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิดที่กระชับ และระบบขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมเฟืองท้าย Differential Lock
ตัวอักษร “T” นั้นหมายถึง “Touring” และหมายรวมถึงอุปกรณ์และฟังก์ชันพิเศษซึ่งตามปกติไม่สามารถติดตั้งลงใน 911 คาร์เรร่ารุ่นพื้นฐานได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบ PASM Sports Chassis มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ลดระดับตัวรถให้ต่ำลงถึง 20 มิลลิเมตร ชุดแต่งเพิ่มสมรรถนสปอร์ต โครโน (Sport Chrono Package) ระบบเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิดพร้อมผังการเปลี่ยน Shift Pattern สีแดงบนหัวเกียร์ และเบาะนั่งหุ้มด้วยผ้าลาย Sport-Tex บริเวณกึ่งกลาง ยิ่งไปกว่านั้น ยังสั่งติดตั้งระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง (Rear-Axel Steering) ได้อีกด้วย
ในส่วนของการการลดน้ำหนักนั้น สะท้อนชัดจากโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา ตั้งแต่กระจกหน้าต่างประตูบานหลักและกระจกบังลมหลัง ผลิตด้วยวัสดุน้ำหนักเบาพิเศษ มีการเลือกติดตั้งชิ้นส่วนแผงประตูภายในห้องโดยสารน้ำหนักเบา ลดจำนวนวัสดุดูดซับเสียงลง พร้อมทางเลือกในการถอดเบาะนั่งด้านหลัง รวมถึงระบบติดต่อสื่อสารและความบันเทิง (Porsche Communication Management-PCM) ออก ส่งผลให้รถสปอร์ต 2 ที่นั่งรุ่นล่าสุดนี้ มีน้ำหนักเบากว่าเดิมถึง 20 กิโลกรัม
911 คาร์เรร่า ที ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ จากชิ้นส่วนชายล่างต่อเนื่องกับสปอยเลอร์ กระจกมองข้างทรงสปอร์ตสีเทา (Agate Grey Metallic) ด้านข้างดุดันด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ลาย Carrera S สีเทา Titan Grey มีตราสัญลักษณ์ 911 Carrera T คาดยาวบริเวณประตูทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่ด้านท้ายติดตั้งกระจังครอบช่องทางเดินอากาศสีเทาเอกลักษณ์ มีตัวอักษร 911 Carrera T แบบดั้งเดิมสีเทา Agate Grey ประทับโดดเด่น พร้อมติดตั้งระบบระบายไอเสียแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยปลายท่อเป็นสีดำเข้มอยู่ตรงกึ่งกลางกันชนหลัง
ภายในสะดวกสบายจากเบาะนั่งแบบสปอร์ตสีดำ ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า 4 ทิศทาง หุ้มบริเวณกึ่งกลางด้วยผ้าลวดลาย Sport-Tex ส่วนหมอนรองศีรษะประทับตราสัญลักษณ์ 911 สีดำ และเป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกเบาะนั่งแบบ Full Bucket Seats เป็นอุปกรณ์พิเศษ ขณะที่พวงมาลัยสปอร์ตจีทีหุ้มวัสดุหนังแท้ พร้อม
สวิทช์เลือกรูปแบบการขับขี่บนพวงมาลัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สอดรับกับคันเปลี่ยนเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิด พร้อมผังการเปลี่ยนเกียร์สีแดง
สำหรับการตกแต่งชิ้นส่วนอื่นๆ บริเวณแผงคอนโซลและแผงประตูนั้นใช้สีดำ พร้อมมือเปิดประตูแบบ Opening Loops หรือจะเลือกติดตั้งชุดตกแต่กภายในห้องโดยสารแบบ T Interior Package เพิ่มเติม ด้วยชิ้นงานเฉดสีเหลือง Racing Yellow, สีแดง Guards Red หรือสีเงิน GT Silver เข้าไปเพิ่มมุมมองที่โดดเด่นในหลายๆ จุดของห้องโดยสาร ทั้งเข็มขัดนิรภัย, ตราสัญลักษณ์ตัวอักษร 911 บนหมอนรองศีรษะ, มือเปิดประตูแบบ Opening Loops หรือลวดลายบนวัสดุผ้า Sport-Tex กึ่งกลางเบาะนั่ง เป็นต้น
เมื่อหันมาพิจารณาขุมพลังเครื่องยนต์ 6 สูบนอน ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ ต้องยอมรับว่า แรงกว่าเดิมเห็นๆ ด้วยพละกำลังสูงสุด 370 แรงม้า (272 กิโลวัตต์) พร้อมแรงบิดมหาศาลกว่า 450 นิวตันเมตร มีมาตั้งแต่ 1,750-5,000 รอบต่อนาที ส่งผลให้รถสปอร์ตคันนี้แสดงศักยภาพความแรงออกมาอย่างเต็มสมรรถนะ และตอบสนองต่อการบังคับและควบคุมที่เฉียบคมมากขึ้น โดยถ่ายทอดพละกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิดและเฟืองท้าย Differential Lock
ด้วยศักยภาพข้างต้น ทำให้ 911 คาร์เรร่า ที เร่งตัวจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 4.5 วินาที เร็วกว่ารุ่นมาตรฐาน 0.1 วินาที และพุ่งผ่านย่านความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 15.1 วินาทีเท่านั้น หรือคุณจะเลือกติดตั้งเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะคลัทช์คู่ (Porsche Doppelkupplung – PDK) เป็นอุปกรณ์พิเศษก็ได้ โดยเร่งจากจุดหยุดนิ่งไปแตะความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 4.2 วินาที ก่อนจะผ่านหลัก 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลา 14.5 วินาที ที่สำคัญ ทั้ง 2 เวอร์ชั่นของระบบส่งกำลัง สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า ทีใหม่ มีสีสันตัวถังพิเศษให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสีดำ, สีส้ม Lava Orange, สีแดง Guards Red. สีเหลือง Racing Yellow, สีขาว และสีน้ำเงิน Miami Blue รวมทั้งสีเมทัลลิก อันได้แก่สีขาว Carrera White, สีดำ Jet Black และสีเงิน GT Silver โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่างเป็นทางการเปิดรับคำสั่งซื้อแล้ว และพร้อมส่งมอบรถตั้งแต่เดือนมกราคม 2018 เป็นต้นไป