web analytics

ติดต่อเรา

ไมโครซอฟท์จัดงาน “Azure Summit” เผยนวัตกรรมคลาวด์ล่าสุด และวิสัยทัศน์สู่การปฏิรูปธุรกิจยุคดิจิทัล

ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เผยนวัตกรรมล่าสุดบนแพลตฟอร์มคลาวด์ ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของคลาวด์ในการขับเคลื่อนการปฎิรูปธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล ในงานสัมมนา “Azure Summit” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงแรม คอนราด กรุงเทพฯ โดยมีพันธมิตร 13 รายและตัวแทนจากลูกค้าในภาคธุรกิจอีกกว่า 300 รายเข้าร่วมงาน เพื่อค้นพบถึงศักยภาพของอาซัวร์ในการยกระดับธุรกิจ ทั้งในเชิงกลยุทธ์และเชิงปฏิบัติ

งานสัมมนา Azure Summit ครั้งแรกนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวบนเส้นทางความสำเร็จด้านคลาวด์ของไมโครซอฟท์ หลังจากที่บริษัทสามารถทำยอดประมาณการรายได้จากบริการคลาวด์ประจำปีให้สูงถึงเป้าหมายที่ 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 6.62 แสนล้านบาท) ได้ก่อนกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้สำเร็จในปี 2561 องค์กรธุรกิจจากทุกภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาคการเงินการธนาคาร พลังงาน ค้าปลีก หรือแม้แต่กีฬา ต่างเลือกไว้วางใจให้ไมโครซอฟท์เป็นที่ปรึกษาในการพลิกประสบการณ์ของลูกค้า เสริมศักยภาพของพนักงาน เพิ่มประสิทธิภาพของระบบงาน และสรรสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ โดยปัจจุบัน กว่า 96% ของบริษัทระดับฟอร์จูน 500 เลือกใช้งานบริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์ และกว่า 90% ใช้งานอยู่ไม่น้อยกว่า 2 บริการ

นอกจากวิสัยทัศน์ด้านคลาวด์ของไมโครซอฟท์เองแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรชั้นนำของประเทศไทย พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายพันธมิตรคลาวด์ของไมโครซอฟท์ ในการออกแบบและติดตั้งระบบคลาวด์ที่ครบครันทั้งสมรรถนะและความยืดหยุ่น เหมาะสมสำหรับการใช้งานในหลากหลายสถานการณ์

“สิ่งที่ทำให้วิสัยทัศน์ด้านคลาวด์ของไมโครซอฟท์มีความโดดเด่นและแตกต่าง คือการที่เราพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่อยู่นอกขอบเขตของคลาวด์ด้วย การมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้านั้น ต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดในทุกระดับ นับตั้งแต่แพลตฟอร์มคลาวด์อัจฉริยะอย่างอาซัวร์ ไปจนถึงระบบปลายทางที่เราเรียกว่า ‘Intelligent Edge’” คริส เวเบอร์ รองประธานฝ่ายลูกค้าธุรกิจระดับโลก ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าว “เป้าหมายสูงสุดของเราในการพัฒนาอาซัวร์ คือการเปิดประตูสู่ความสำเร็จของลูกค้าด้วยเทคโนโลยีที่เสริมศักยภาพขององค์กร ทั้งในด้านระบบงานไอที การพัฒนาแอพพลิเคชัน การสร้างประสบการณ์ไฮบริด คลาวด์ที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูง การสร้างสรรค์โซลูชั่นจาก AI และการเสริมสร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ลูกค้าจากทั่วโลก อาทิคาร์ลสเบิร์ก กับธุรกิจในแนวคิด ‘beer as a service’ ไปจนถึงทีมงานฝ่ายขายและบริการลูกค้าของไมโครซอฟท์เอง ต่างนำความโดดเด่นและศักยภาพใหม่ๆ ของอาซัวร์ไปใช้งานให้เกิดประโยชน์อย่างทั่วถึง”

เผยวิสัยทัศน์คลาวด์ในธุรกิจไทยเพื่อการปฏิรูปดิจิทัลให้ก้าวไกลและปลอดภัย

ตลาดบริการคลาวด์แบบสาธารณะในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยอาจมีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 7,700 ล้านบาทในปี 2560 นี้ ขณะที่ธุรกิจไทยต่างก็เข้าใจดีถึงบทบาทสำคัญของคลาวด์ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานขององค์กร เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ เอเชีย ได้เผยถึงผลสำรวจที่ระบุว่ากว่า 82% ของผู้นำในภาคธุรกิจไทย ยกให้คลาวด์เป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนกลยุทธ์ดิจิทัลของพวกเขาไปสู่ความสำเร็จ

ในโอกาสนี้ ผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำของไทยอย่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยบริษัทที่ปรึกษา ฟรอนทิส หนึ่งในเครือข่ายพันธมิตรของไมโครซอฟท์ จึงได้มาร่วมแบ่งปันเรื่องราวและวิสัยทัศน์ในการปฏิรูปธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลด้วยนวัตกรรมคลาวด์ด้วยเช่นกัน โดยผู้บริหารจากทั้ง 3 บริษัท ได้เผยถึงเส้นทางการยกระดับองค์กรสู่คลาวด์ด้วยไมโครซอฟท์ อาซัวร์ในแนวทางที่แตกต่างกันไปของแต่ละองค์กร นับตั้งแต่การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ไปจนถึงบริการดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้นับล้านทั่วประเทศ

นางสาวทาเทียน่า มารัชเชฟสกาย่า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า “อาซัวร์ ไม่ได้เป็นเพียงแพลตฟอร์มคลาวด์อัจฉริยะที่มอบความยืดหยุ่นสูงสุดให้กับผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้มากที่สุดอีกด้วย โดยอาซัวร์เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์รายแรกของโลกที่รองรับมาตรฐานด้านการปกป้องข้อมูล General Data Protection Regulation (GDPR) ของสหภาพยุโรป ซึ่งจะนำมาบังคับใช้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2561 จึงเท่ากับว่าอาซัวร์เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่รองรับมาตรฐานและกรอบข้อบังคับต่างๆ ทั่วโลกอย่างทั่วถึงที่สุด และยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรที่ต้องการใช้งานคลาวด์บนเวทีธุรกิจระดับนานาชาติ”

คริส เวเบอร์ รองประธานฝ่ายลูกค้าธุรกิจระดับโลก ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น และทาเทียน่า มารัชเชฟสกาย่า ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในงาน Azure Summit

ยกระดับไฮบริด คลาวด์ ด้วย อาซัวร์ สแตค พร้อมชุดทดลองเพื่อนักพัฒนา

ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ เป็นแพลตฟอร์มคลาวด์เพียงหนึ่งเดียวที่พัฒนาขึ้นให้มอบประสบการณ์การใช้งานเหมือนกันในทุกสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ บริหารจัดการข้อมูล ระบบ หรือความปลอดภัย ภายใต้แนวคิดที่ว่าระบบคลาวด์แบบผสมผสาน หรือไฮบริด คลาวด์ คือโครงสร้างคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยระบบไฮบริด คลาวด์ที่สมบูรณ์แบบจะต้องครอบคลุมการทำงานทุกส่วนขององค์กร และไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีเท่านั้น

องค์กรธุรกิจที่ต้องการพัฒนาแอพพลิเคชันสำหรับใช้งานทั้งบนคลาวด์และในระบบเดิมขององค์กรไปควบคู่กัน สามารถเลือกใช้โซลูชั่น อาซัวร์ สแตค (Azure Stack) จากไมโครซอฟท์ ผ่านพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่าง เดลล์ อีเอ็มซี, ฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด เอนเตอร์ไพรส์ หรือไดเมนชั่น ดาต้าได้แล้ววันนี้ โดยอาซัวร์ สแตค ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและใช้งานแอพพลิเคชันได้ทั้งบนคลาวด์และในระบบขององค์กรได้โดยใช้ API เครื่องมือ และประสบการณ์การใช้งานที่เหมือนกันทั้งหมด จึงเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถนำคลาวด์ไปใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น โดยที่ยังคงรักษาการรับรองมาตรฐานทางอุตสาหกรรมและกฎหมายไว้อย่างครบถ้วน

“ความต่อเนื่องและสม่ำเสมอในการพัฒนาแอพพลิเคชันบนอาซัวร์ สแตคจะช่วยลดความซับซ้อนของการใช้งานระบบไฮบริด คลาวด์ ซึ่งเท่ากับว่าธุรกิจของคุณจะสามารถลงทุนทั้งในระบบคลาวด์และระบบภายในองค์กรได้อย่างมั่นใจ เนื่องจากทั้งสองระบบต่างรองรับเครื่องมือและแนวทางการพัฒนาที่เหมือนๆ กัน นักพัฒนาแอพพลิเคชันจึงสามารถทำงานได้รวดเร็วยิ่งกว่าที่เคย หรืออาจคิดค้นโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยปิดช่องว่างในด้านการเชื่อมต่อเครือข่าย หรือมาตรฐานและกรอบข้อบังคับต่างๆ จนทำให้สามารถนำคลาวด์ไปใช้ในสถานการณ์หรือสถานที่ใหม่ๆ ได้” นายเวเบอร์กล่าวเสริม

นอกจากจะมีให้ใช้งานในรูปของชุดเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบและบริการที่ติดตั้งและดูแลโดยพันธมิตรของไมโครซอฟท์แล้ว อาซัวร์ สแตค ยังมีให้เลือกทดลองใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์เครื่องเดียวผ่านทางชุดเครื่องมือ Azure Stack Development Kit (ASDK) เพื่อให้นักพัฒนาได้ทดลองขึ้นโครงร่างแอพพลิเคชันก่อนลงมือพัฒนาจริง

เสริมทัพบริการใหม่ เพิ่มทางเลือกให้ระบบคลาวด์สำหรับองค์กรที่ชาญฉลาด

ธุรกิจที่สนใจทดลองใช้ไมโครซอฟท์ อาซัวร์ สามารถเลือกใช้บัญชีอาซัวร์แบบฟรีที่คุ้มค่าเหนือใคร ด้วยสิทธิการเข้าถึงระบบคลาวด์สำหรับงานคิดคำนวณ เก็บข้อมูล ฐานข้อมูล และเครือข่ายแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ถึง 12 เดือนเต็ม พร้อมด้วยบริการอื่นๆ อีก 25 รายการที่ใช้งานได้ฟรีตลอดไป โดยผู้สมัครใช้บัญชีอาซัวร์แบบฟรีจะได้รับเครดิตมูลค่า 200 เหรียญสหรัฐสำหรับทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มอาซัวร์เป็นเวลา 30 วัน

ส่วนลูกค้าที่ตัดสินใจย้ายระบบสู่คลาวด์กับอาซัวร์ ก็สามารถเดินหน้าได้อย่างสะดวกสบายด้วยบริการ Azure Database Migration และ SQL DB Managed Instance ซึ่งช่วยให้การย้ายระบบสู่คลาวด์สามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องปิดระบบนาน ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายไปพร้อมๆ กัน

ลูกค้ายังสามารถเสริมความคุ้มค่าจากการลงทุนในระบบคลาวด์ได้ด้วย Azure Cost Management โซลูชั่นใช้งานฟรีที่ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนการใช้จ่ายบนอาซัวร์และแพลตฟอร์มคลาวด์อื่นๆ ได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่วน Reserved Virtual Machine Instances อีกหนึ่งบริการที่จะเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้ จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถสั่งจองใช้งาน virtual machine ล่วงหน้าเป็นเวลา 1-3 ปี เพื่อลดค่าใช้จ่ายลงสูงสุดถึง 72% ขณะที่เครื่องมือแสดงสถานะคลาวด์ Azure Monitor ก็ปรับปรุงใหม่ให้แสดงข้อมูลที่ครอบคลุมทั้งระบบในหน้าเดียว นับตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงแอพพลิเคชัน

ส่วนโซลูชั่น Azure Functions ที่สามารถทำงานประมวลผลแบบไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ ปลดล็อกทุกข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับนักพัฒนา ได้รับการพัฒนาให้รองรับระบบฐานข้อมูล Azure Cosmos DB ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับแอพพลิเคชันที่ใช้งานพร้อมกันทั่วโลก จึงสามารถรับมือกับข้อมูลปริมาณมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัว โดยไม่ต้องพึ่งเซิร์ฟเวอร์แม้แต่เครื่องเดียว

นอกจากนี้ วิสัยทัศน์ของแพลตฟอร์มอาซัวร์ในการสร้างสรรค์ระบบคลาวด์อัจฉริยะยังคงรุดหน้าต่อไปด้วยคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มเติมมาในบริการ Azure Machine Learning ซึ่งทำให้บริการดังกล่าวรองรับการใช้งาน AI กับข้อมูลรูปแบบใดก็ได้ ในปริมาณมากน้อยเพียงใดก็ได้ และบนคลาวด์หรือระบบภายในองค์กรก็ได้ อย่างไม่มีข้อจำกัด

Comments

comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *