‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล’ มองปีหน้าภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น
บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดกลยุทธ์ลงทุนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น รุกเปิดตัวกองทุน ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น’ (CIMB-Principal Global Total Return Fund) ที่เข้าลงทุนใน Templeton Global Total Return Fund เพียงกองทุนเดียว(กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ชูจุดเด่นให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี เฉลี่ย 7.57% ต่อปี (ดัชนีเปรียบเทียบ 3.85% ต่อปี) เป็นอันดับ 1 จากทั้งหมด 437 กองทุนในกลุ่มโกลบอล บอนด์* และได้จัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2560) และกลยุทธ์บริหารเงินลงทุนแบบ 3C’s ปรับพอร์ตอายุเฉลี่ยตราสารหนี้เพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น โฟกัสการลงทุนพันธบัตรในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และบริหารค่าเงินเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี ดีเดย์เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก 27 พ.ย.-1 ธ.ค. นี้
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เปิดเผยว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยโลกอยู่ในแนวโน้มช่วงขาขึ้น ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้และคาดการณ์ปรับขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิลจึงมองโอกาสการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Country) สามารถที่จะสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นได้ จึงเปิดตัวกองทุน ‘ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น’ (CIMB-Principal Global Total Return Fund) ที่เข้าลงทุนใน Templeton Global Total Return Fund เพียงกองทุนเดียว(กองทุนหลัก) โดยกองทุนหลักซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก
ทั้งนี้ ‘กองทุน Templeton Global Total Return Fund’ ซึ่งเป็นกองทุนหลัก บริหารจัดการโดย Franklin Templeton International Services S.à.r.l. เป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นในปี 2003 ปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 2หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ บริหารงานโดย Dr. Michael Hasenstab ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดยกองทุนฯ ให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปีเฉลี่ย 7.57% ต่อปี (ดัชนีอ้างอิง 3.85% ต่อปี) สูงสุดเป็นอันดับ 1 จากทั้งหมด 437 กองทุนในกลุ่มโกลบอล บอนด์ และได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย.2560)
สำหรับจุดเด่นของกองทุนหลักดังกล่าว คือการบริหารเงินลงทุนด้วยกลยุทธ์ 3C ประกอบด้วย 1) Coupon (Yield Curve) การบริหารจัดการ Duration หรืออายุเฉลี่ยตราสารหนี้เพื่อลดผลกระทบจากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น โดยมีอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่ถือครองเพียง 0.10 ปีเท่านั้น แต่ยังคงให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8.32% และสามารถจ่ายปันผลทุกปี เฉลี่ยปีละ 4.65% ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา 2) Credit การวางกลยุทธ์ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลในประเทศกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่เศรษฐกิจกำลังพัฒนา 3) Currency การวางกลยุทธ์บริหารการลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศบนปัจจัยพื้นฐาน โดยค่าเงินของประเทศในตลาดเกิดใหม่ในปัจจุบัน ยังซื้อ-ขายที่ระดับต่ำกว่าช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ 2ครั้งที่ผ่านมา จึงประเมินความเสี่ยงที่ค่าเงินจะลดลงนั้นค่อนข้างต่ำประกอบกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของในตลาดเกิดใหม่หลายๆ ประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากค่าเงินที่แข็งขึ้นอีกด้วย
Templeton Global Total Return Fund มีมุมมองในการลงทุนที่น่าสนใจ โดยมองภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องและระดับเงินเฟ้อที่เข้าใกล้เป้าหมาย ตลอดจนนโยบายทางการเงินที่เกื้อหนุน จะส่งผลดีต่อโอกาสการลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น ประเทศบราซิลที่เศรษฐกิจในปัจจุบันมีเสถียรภาพมากขึ้น ประเทศเม็กซิโกที่เศรษฐกิจเติบโตได้ดีหลังผ่านพ้นวิกฤตและคาดว่าได้รับผลกระทบไม่มากจากนโยบายกีดกันทางการค้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ หรือประเทศอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่งและไม่ได้พึ่งพาเศรษฐกิจจีนมากนัก เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ยังมีมุมมองต่อความเสี่ยงจากการปรับตัวอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในประเทศใหญ่ๆเพิ่มขึ้น เช่น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ อย่างไรก็ตาม กองทุนได้วางกลยุทธ์รับมือดอกเบี้ยขาขึ้นด้วยการลดอายุเฉลี่ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมทั้งถือสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในเวลาเดียวกันเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี รวมถึงมองว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเพื่อรักษาเศรษฐกิจฟื้นตัว ดังนั้น กองทุนดังกล่าวจึงวางกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเยนและยูโรเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี
ขณะที่จุดเด่นของกองทุนหลักคือ การจ่ายเงินปันผลที่ดีนับแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงปัจจุบัน กองทุนมีผลตอบแทนรวมถึงผลตอบแทนหลังปรับค่าความเสี่ยง (Sharpe Ratio) ในระยะยาวที่ดีกว่าตลาด และจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนได้ทุกปี ในระดับเฉลี่ยราว 4% (Source : Franklin Templeton and Barclays, Data as of 31 December 2016) “เราเชื่อว่ากองทุนซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น จะเป็นทางเลือกที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี และยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน โดยมีทีมบริหารของ Templeton ที่มีความเชี่ยวชาญทำหน้าที่บริหารจัดการเงินลงทุน” นายวิน กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิดซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล โกลบอล โทเทิล รีเทิร์น (CIMB-PRINCIPAL GTR) มีทุนจดทะเบียน3,000 ล้านบาท โดยเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ Templeton Global Total Return Fund ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) วันที่ 27 พฤศจิกายน– 1 ธันวาคม 2560 กำหนดวงเงินสั่งซื้อขั้นต่ำครั้งละ 5,000 บาท โดยกองทุนฯ มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 12ครั้ง (จ่ายจริงปีละ 4 ครั้ง) สำหรับนักลงทุนที่สนใจสามารถขอหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขา ทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 website www.cimb-principal.co.th