ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับน้ำมันรถ 5 ประการ
คุณเข้าใจดีแค่ไหนเมื่อรถแสดงสัญญาณไฟแจ้งเตือน ระดับน้ำมัน บางทีคุณอาจจะเคยได้ยินว่าการเติมน้ำมันในตอนเช้าจะคุ้มและได้ปริมาณน้ำมันมากกว่า หรือแม้กระทั่งความเชื่อที่ว่าหากเติมน้ำมันที่ใช้กับเครื่องบินแล้วรถจะวิ่งไวขึ้น ความเชื่อเหล่านี้อาจฟังแล้วน่าตื่นเต้น แต่ว่าเป็นความจริงไหม
คอลิน ฮาร์ดิ้ง เป็นวิศวกรอาวุโสที่ทำงานร่วมกับทีมฟอร์ดในการออกแบบแผงหน้าปัดรถยนต์เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่อ่านค่าต่างๆ จากมิเตอร์วัดความเร็วรถ ฮาร์ดิ้งและทีมงานถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเลขไมล์รถยนต์ในทุกด้าน และพวกเขาได้ทุ่มเทเวลาอย่างมากเพื่อทดสอบว่าอะไรบ้างที่จะทำให้น้ำมันรถหมด
ฮาร์ดิ้งได้ตีแผ่ความเชื่อผิดๆ 5 ข้อเกี่ยวกับการเติมน้ำมันรถดังต่อไปนี้
เติมน้ำมันช่วงเช้าคุ้มค่าและได้ปริมาณน้ำมันมากกว่า
ฟังดูเข้าท่า แต่ไม่ถูกต้อง เบื้องหลังของความเชื่อนี้มาจากทฤษฎีที่ว่าน้ำมันขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งนี่เป็นความจริง ดังนั้น หากอุณหภูมิต่ำลงในช่วงเช้า ก็อาจแปลว่าเราจะได้น้ำมันในถังเพิ่มมากขึ้นกว่าช่วงเวลาอื่นๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วน้ำมันถูกกักเก็บอยู่ในถังที่ฝังอยู่ใต้ดิน ดังนั้นการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอุณหภูมิในแต่ช่วงเวลาของวันไม่อาจส่งผลต่อปริมาณความหนาแน่นของน้ำมัน ทีนี้คุณจะเติมน้ำมันเวลาไหนก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ
ปล่อยให้น้ำมันในถังเหลือน้อยจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์
ไม่เป็นความจริง ความเชื่อผิดๆ ของคนส่วนใหญ่คือมักคิดว่าหากขับรถโดยมีไอระเหยจากบริเวณที่ว่างในถังน้ำมัน เครื่องยนต์จะสูบเอา ‘ขยะ’ และตะกอนน้ำมันจากด้านล่างของถัง อย่างไรก็ตาม ถังน้ำมันได้รับการออกแบบให้จ่ายน้ำมันสู่ท่อจ่ายจากด้านล่างซึ่งเป็นบริเวณที่บรรจุน้ำมัน นั่นหมายความว่า ท่อจ่ายจะสามารถดึงน้ำมันออกมาได้ตลอดเวลา ดังนั้น ไม่ว่าน้ำมันจะเหลือน้อยหรือเต็มถังก็ไม่สามารถส่งผลต่อคุณภาพของเชื้อเพลิงได้
น้ำมันเกรดพรีเมียมช่วยให้รถยนต์ธรรมดาๆ มีประสิทธิภาพดีขึ้น
ผิดอีกแล้ว เมื่อเราแวะจอดเติมน้ำมัน เราอาจเห็นคำโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ มากมาย ทั้งยังมีประเภทน้ำมันรถและน้ำมันหล่อลื่นให้เลือกละลานตา บางคุณอาจต้องจ่ายเงินเกินความจำเป็นให้กับสิ่งเหล่านี้ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่สะอาดไปกว่าน้ำมันชนิดปกติเลยแม้แต่น้อย
จริงอยู่ที่ว่าน้ำมันเกรดพรีเมียมนั้นเผาไหม้ได้ยากกว่า ซึ่งส่งผลดีต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นประโยชน์สำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันเนื่องจากน้ำมันทุกชนิดต่างก็ต้องมีมาตรฐานระดับเดียวกัน
มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองในรถอ่านค่าไม่ตรง
ไม่จริงเสียทีเดียวแม้ว่าเกจน้ำมันจะบอกผู้ขับขี่ถึงปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ในถังแต่มาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองคำนวณค่าจากรูปแบบการขับขี่ในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณขับรถบนทางด่วนเป็นเวลา 2 ชั่วโมง โดยใช้น้ำมัน 6 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตรจากนั้นจึงออกจากทางด่วนแล้วมุ่งเข้าสู่เมือง โดยใช้น้ำมัน 12 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร แผงหน้าปัดจะใช้เวลาเล็กน้อยในการปรับสู่สภาพการขับขี่ใหม่ ดังนั้นในช่วงที่ระบบกำลังปรับสภาพ อาจมีการอ่านระยะทางผิดพลาดชั่วคราว เช่น ขับจริงหนึ่งกิโลเมตร ระบบจะแสดงระยะทางเกินกว่านั้น เป็นต้น
น้ำมันเครื่องบินช่วยให้รถวิ่งได้ไวขึ้น
ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่นอน เครื่องยนต์ทั่วไปไม่สามารถสันดาปน้ำมันก๊าดซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้กับเครื่องบินได้ ดังนั้นหากคุณคิดจะลอง ขอให้หยุดความคิดนั้นไว้แล้วหันกลับไปใช้น้ำมันรถปกติก่อนที่จะต้องเสียเงินและเสียเวลาโดยใช่เหตุ
ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าความเชื่อเหล่านี้มาจากไหนและทำไมความเชื่อผิดๆ เหล่านี้จึงกระจายในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ในปัจจุบันได้รับการออกแบบมาอย่างแม่นยำเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับพร้อมประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเหนือชั้น หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการใช้น้ำมันของรถของคุณ เราขอแนะนำให้ปรึกษาผู้แทนจำหน่ายหรือไปที่ศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจะดีที่สุด